ข่าวประชาสัมพันธ์
สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดปราจีนบุรี
ขอกำหนดมาตรการเพื่อเป็นการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ดังนี้
กรณีมีความจำเป็นต้องขอรับคำปรึกษากฎหมาย หรือมีความจำเป็นต้องขอคุ้มครองสิทธิทางศาล
เช่น จัดการมรดก คนสาบสูญ คนเสมือน/ไร้ความสามารถ ฯลฯ
ขอความกรุณาโทรสอบถามทางโทรศัพท์เบื้องต้นและอาจนัดหมายเพิ่มเติมตามวันเวลาที่กำหนด
ช่องทางการติดต่อ
1.โทร. /โทรสาร 0 3748 2400
2.สายด่วน 1157
3.E-Mail : prachin-lawaid@ago.go.th
4. website : http://www1.ago.go.th/region2/prachinburi-lawaid/
ข่าวกิจกรรม
การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ “มีแล้วแบ่งปัน”
วันปิยะมหาราช
วันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์
เกี่ยวกับสำนักงาน
ประวัติความเป็นมา
ประวัติความเป็นมาของสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จังหวัดปราจีนบุรี
สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดปราจีนบุรี (สคชจ.ปราจีนบุรี) เป็นสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีอีกแห่งหนึ่งในจำนวน 2 แห่ง ของจังหวัดปราจีนบุรี โดยจังหวัดนี้มีสำนักงานอัยการอีกแห่งหนึ่ง คือ สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดปราจีนบุรี (สาขากบินทร์บุรี) ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอกบินทร์บุรี ในจังหวัดเดียวกัน โดยมีระยะทางห่างกันประมาณ 50 กิโลเมตร สคชจ.ปราจีนบุรี ตั้งขึ้นตามประกาศคณะกรรมการอัยการ เรื่องการแบ่งหน่วยงาน และการกำหนดอำนาจและหน้าที่ของหน่วยงานภายในของสำนักงานอัยการสูงสุด (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ.๒๕๕๖ โดยเพิ่มความเป็น (๔๖) ของข้อ ๗ แห่งประกาศคณะกรรมการอัยการ เรื่องการแบ่งหน่วยงาน และการกำหนดอำนาจและหน้าที่ของหน่วยงานภายในของสำนักงานอัยการสูงสุด (ฉบับที่ ๖) พ.ศ.๒๕๕๖ โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ดังนั้น สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีทุกจังหวัดทั่วประเทศจึงเปิดทำการพร้อมกันในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา
การที่จังหวัดปราจีนบุรี มีสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดและสาขานั้น เนื่องจากเดิมจังหวัดปราจีนบุรีมีเขตพื้นที่กว้างขวางไปจนจรดชายแดนกัมพูชา โดยขณะนั้นยังไม่มีการจัดตั้งจังหวัดสระแก้วขึ้นเป็นจังหวัด พื้นที่อำเภอต่างๆ ที่อยู่ด้านชายแดน เช่น อรัญประเทศ ตาพระยา วัฒนานคร สระแก้ว วังน้ำเย็น ล้วนเป็นอำเภอในเขตจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลจากอำเภอเมืองปราจีนบุรี อันเป็นที่ตั้งของศาลจังหวัดปราจีนบุรี และ สคชจ.ปราจีนบุรี ทำให้การมาติดต่อราชการที่ศาลและอัยการเป็นไปด้วยความยากลำบาก เกิดความไม่สะดวกและเสียเวลาไปกับการเดินทางเป็นอย่างมาก ทางราชการจึงจำเป็นต้องจัดตั้งศาลและสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิขึ้นอีกหน่วยงานละ 1 แห่ง ที่อำเภอกบินทร์บุรี เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการ และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่อยู่ห่างไกล โดยจัดตั้งศาลจังหวัดกบินทร์บุรีและสำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดกบินทร์บุรี เปิดทำการขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2484 ให้มีเขตอำนาจในท้องที่อำเภออรัญประเทศ ตาพระยา วัฒนานคร สระแก้ว วังน้ำเย็น นาดี และกบินทร์บุรี ของจังหวัดปราจีนบุรี โดยแบ่งเขตอำนาจกับศาลและอัยการจังหวัดปราจีนบุรีซึ่งให้มีเขตอำนาจในพื้นที่อีกส่วนหนึ่ง คือ ท้องที่อำเภอเมืองปราจีนบุรี บ้านสร้าง ศรีมโหสถ ศรีมหาโพธิ และประจันตคาม ของจังหวัดปราจีนบุรี และเป็นเช่นนี้มานานกว่า 50 ปี ครั้นในปี พ.ศ. 2536 จึงมีการแบ่งเขตการปกครอง แยกพื้นที่อำเภอสระแก้ว วัฒนานคร อรัญประเทศ ตาพระยา และวังน้ำเย็น ของจังหวัดปราจีนบุรีจัดตั้งเป็นจังหวัดขึ้นใหม่ คือจังหวัดสระแก้ว แต่ในระยะแรกยังไม่มีการจัดตั้งศาลและสำนักงานอัยการขึ้นในท้องที่จังหวัดสระแก้ว ดังนั้น ศาลจังหวัดกบินทร์บุรีและสำนักงานอัยการจังหวัดกบินทร์บุรีจึงยังคงมีเขตอำนาจตามเดิม คือครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสระแก้วทั้งหมด กับท้องที่อีก 2 อำเภอของจังหวัดปราจีนบุรีที่เหลืออยู่ คืออำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอนาดี จนกระทั่งวันที่ 18 กันยายน 2543 มีการจัดตั้งและเปิดดำเนินการของศาลและอัยการจังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีเขตอำนาจครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสระแก้วทั้งหมด ทำให้ศาลจังหวัดกบินทร์บุรีและสำนักงานอัยการจังหวัดกบินทร์บุรี มีเขตอำนาจและพื้นที่รับผิดชอบคงเหลือเพียง 2 อำเภอของจังหวัดปราจีนบุรี คือ อำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอนาดี จนถึงปัจจุบันนี้
เดิมสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดปราจีนบุรี ใช้ชื่อว่าสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนจังหวัดปราจีนบุรี มีสถานที่ตั้งรวมอยู่ในสำนักงานอัยการจังหวัดปราจีนบุรี รวมทั้งสถานที่ราชการต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ของจังหวัดปราจีนบุรี ปัจจุบันสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดปราจีนบุรี มีผู้บริหารซึ่งเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบงานของสำนักงาน คือ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดปราจีนบุรี ปัจจุบันมีอัยการจังหวัดเป็นคนที่สามตามประกาศคณะกรรมการอัยการฉบับที่ ๑๐ นี้ คือ ๑. นายมณฑล เทียนเกษม ๒. นายศานติ วจะรักษ์เลิศ และ ๓. นายเกรียงศักดิ์ สินทวีเพิ่มพูน ๔. นางสาววรรณทนีย์ สุดสัตย์ ตามลำดับ
อำนาจหน้าที่
อำนาจและหน้าที่ความรับผิดชอบของสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี
๑. รับผิดชอบการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพและผลประโยชน์ของประชาชน การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย การเผยแพร่ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนและความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชนภายในเขตท้องที่จังหวัดนั้น ๆ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด
๒. รับผิดชอบดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิและการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายด้านอรรถคดีแก่ประชาชนภายในเขตท้องที่จังหวัดนั้น ๆ รวมถึงการดำเนินคดีทั้งปวงในอำนาจและหน้าที่ของนักงานอัยการหรือสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลจังหวัด ศาลจังหวัดสาขา หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นในศาลจังหวัด แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และคำสั่งว่าด้วยการนั้น
๓. รับผิดชอบการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคด้านอรรถคดี การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย การเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคแก่ประชาชนภายในเขตท้องที่จังหวัดนั้น ๆ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด
๔. รับผิดชอบงานศูนย์กลางระบบฐานข้อมูลลูกหนี้ตามคำพิพากษาขอหน่วยงานของรัฐ และจำเลยที่ถูกยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามคำพิพากษา งานสำรวจตรวจสอบข้อมูลทรัพย์สินและสถานะของลูกหนี้ตามคำพิพากษาของหน่วยงานของรัฐและจำเลยที่ถูกยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามคำพิพากษา และงานการบังคับคดีแพ่ง คดีปกครอง และคดีอาญาเฉพาะในส่วนของการยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามคำพิพากษาตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการหรือสำนักงานอัยการสูงสุดภายในเขตท้องที่จังหวัดนั้น ๆ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด
๕. รับผิดชอบการดำเนินคดีทั้งปวงอันเกี่ยวกับการบังคับคดีแพ่ง คดีปกครอง และคดีอาญา เฉพาะในส่วนของการยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามคำพิพากษาตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการหรือสำนักงานอัยการสูงสุดภายในเขตท้องที่จังหวัดนั้น ๆ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด
๖. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย
อำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
๑. การร้องขอให้ศาลสั่งวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถ และการร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ (ป.พ.พ.ม.๒๘,๓๑)
๒.การร้องขอให้ศาลสั่งให้บุคคลซึ่งมีจิตฟั่นเฟือนหรือการพิการและไม่สามารถประกอบการงานของตนเอง เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ และการร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่ง ที่ได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ (ป.พ.พ.ม.๓๒,๓๖)
๓. การร้องขอให้ศาลสั่งการให้ทำพลางตามที่จำเป็น เพื่อจัดการทรัพย์สินของบุคคลที่ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ (ป.พ.พ.ม.๔๘,๕๗)
๔.การร้องขอให้ศาลสั่งตัวแทนรับมอบอำนาจทั่วไป จัดทำบัญชีทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ (ป.พ.พ.ม.๕๐) หรือขอให้ศาลสั่งให้ผู้จัดการหาประกัน หรือแจ้งรายการทรัพย์สินหรือถอดถอนผู้จัดการ หรือตั้งผู้อื่นแทนต่อไป เมื่อเหตุอันสมควร (ป.พ.พ.ม.๕๖)
๕. ร้องขอให้ศาลตั้งให้ผู้ที่ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ ฯลฯ เป็นคนสาบสูญ (ป.พ.พ.ม.๖๑) และร้องขอให้ศาลสั่งถอนคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ (ป.พ.พ.ม.๖๓)
๖. ร้องขอให้ศาลแต่งตั้งผู้จัดการชั่วคราวในกรณีที่ผู้จัดการนิติบุคคลว่างลง และถ้าทิ้งตำแหน่งว่างไว้จะเกิดความเสียหาย (ป.พ.พ.ม.๗๓)
๗.ร้องขอให้ศาลแต่งตั้งผู้แทนเฉพาะการในกรณีผู้จัดการนิติบุคคลมีประโยชน์ได้เสียหรือเป็นปฏิปักษ์กับนิติบุคคล (ป.พ.พ.ม.๗๕)
๘.ดำเนินการในฐานะเป็นผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิต่อไป ในกรณีที่ผู้ตั้งมูลนิธิตายเสียก่อนนายทะเบียนรับจดทะเบียนมูลนิธิ (ป.พ.พ.ม.๑๑๗,๑๑๘)
๙.ร้องขอให้ศาลสั่งถอดถอนกรรมการหรือคณะกรรมการมูลนิธิ และแต่งตั้งคนใหม่แทนในกรณีที่กรรมการหรือคณะกรรมการจัดการผิดพลาดเสื่อมเสีย ฯลฯ (ป.พ.พ.ม.๑๒๙)
๑๐.ร้องขอให้สั่งเลิกมูลนิธิและแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี (ป.พ.พ.ม.๑๓๑)
๑๑.ร้องขอให้ศาลสั่งจัดการทรัพย์สินของมูลนิธิที่สิ้นสุดลงให้แก่นิติบุคคล ซึ่งมีวัตถุประสงค์ใกล้ชิดกับวัตถุประสงค์เดิมของมูลนิธินั้น (ป.พ.พ.ม.๑๓๔)
๑๒. ร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนบริษัทเลิกกัน เพราะเหตุอื่น นอกจากล้มละลาย โดยไม่มีผู้ชำระบัญชีตามข้อสัญญาหรือข้อบังคับของห้างหุ้นส่วนบริษัทนั้น (ป.พ.พ.ม.๑๒๕๑)
๑๓. ร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติของสมาคมที่ลงมติโดยฝ่าฝืนข้อบังคับหรือกฎหมาย (ป.พ.พ.ม.๑๐๐)
๑๔.ขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีกรณีที่มีการเกิดสมาคม และไม่มีผู้ชำระบัญชี (ป.พ.พ.ม.๑๐๖,๑๒๕๐)
๑๕.ร้องขอให้ศาลตั้งผู้อื่นนอกจากสามีหรือภริยา เป็นผู้อภิบาลหรือผู้พิทักษ์ ถ้ามีเหตุสำคัญ (ป.พ.พ.ม.๑๔๖๓)
๑๖.ร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะ (ป.พ.พ.ม.๑๔๖๙)
๑๗.ให้พนักงานอัยการดำเนินแทนเด็ก เมื่อศาลส่งคำร้องของมาให้ในกรณีที่มี การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตร (ป.พ.พ.ม.๑๕๓๙)
๑๘.เด็กอาจร้องขอให้อัยการยกคดีขึ้นว่ากล่าวปฏิเสธความเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย (ป.พ.พ.ม.๑๕๔๕)
๑๙.ร้องขอให้ศาลสั่งถอนอำนาจปกครอง (ป.พ.พ.ม.๑๕๘๒)
๒๐.ร้องขอให้ศาลตั้งผู้ปกครอง (ป.พ.พ.ม.๑๕๘๖)
๒๑.ร้องขอให้ศาลตั้งผู้ปกครองหาประกันอันสมควรในการจัดทรัพย์สินหรือแถลงถึงความเป็นอยู่ของทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครอง (ป.พ.พ.ม.๑๕๙๗)
๒๒. ร้องขอให้ศาลถอนผู้ปกครอง (ป.พ.พ.ม.๑๕๙๘/๘,๑๕๙๘/๙)
๒๓.ร้องขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้มีการรับบุตรบุญธรรม (ป.พ.พ.ม.๑๕๙๘/๒๑,๑๕๙๘/๒๒)
๒๔.ฟ้องคดีแทนบุตรบุญธรรมเกี่ยวกับการขอเลิกรับบุตรบุญธรรม (ป.พ.พ.ม.๑๕๙๘/๓๕)
๒๕.ร้องขอให้ศาลตั้งผู้ปกครอง,ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ ในกรณีมรดกตกทอดแก่ผู้เยาว์ บุคคลวิกลจริต (ป.พ.พ.ม.๑๖๑๐)
๒๖. ร้องขอให้รัฐบาลให้อำนาจจัดตั้งมูลนิธิเมื่อพินัยกรรมกำหนดไว้ (ป.พ.พ.ม.๑๖๗๗)
๒๗.ร้องขอให้ศาลจัดสรรทรัพย์สินที่กำหนดไว้ในพินัยกรรม ให้จัดตั้งมูลนิธิให้แก่นิติบุคคลในเมื่อมูลนิธินั้นจัดตั้งขึ้นไม่ได้ตามวัตถุประสงค์ (ป.พ.พ.ม.๑๖๗๙)
๒๘.ร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกในกรณีเจ้ามรดกตาย ทายาทโดยธรรมหรือ ผู้รับพินัยกรรมได้สูญหายไป หรืออยู่นอกราชอาณาเขต หรือเป็นผู้เยาว์ หรือผู้จัดการ หรือทายาทไม่สามารถ หรือไม่เต็มใจจะจัดการ หรือมีเหตุขัดข้องในการจัดการ หรือในการแบ่งปันมรดก หรือข้อกำหนดพินัยกรรมตั้งผู้จัดการมรดกไม่มีผลบังคับ (ป.พ.พ.ม.๑๗๑๓)
๒๙.เป็นโจทก์ฟ้องคดีที่กฎหมายห้ามมิให้ราษฎรฟ้อง เช่น ป.พ.พ.ม.๑๕๖๒ ห้ามมิให้ฟ้องผู้บุพการีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญา แต่เมื่อผู้นั้น หรือญาติสนิทร้องขอ อัยการจะยกคดีขึ้นว่ากล่าวก็ได้
๓๐.ร้องขอให้ศาลสั่งผู้จัดการมรดก ให้หาประกันอันสมควรในการจัดทรัพย์สินของทายาทตลอดจนการมอบคืนทรัพย์สินนั้น และแถลงถึงความเป็นอยู่แห่งทรัพย์สินของทายาท (ป.พ.พ.ม.๑๗๓๐,๑๕๙๗)
วิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์
วิสัยทัศน์ (Vision)
“องค์กรนำในการใช้กฎหมาย เพื่อรักษาความยุติธรรมให้กับประชาชนและสังคม”
พันธกิจ (Missions)
1. ยกระดับคุณภาพมาตรฐานงานตามภารกิจ ด้านการอํานวยความยุติธรรม การรักษาผลประโยชน์ของรัฐและประชาชน และการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและช่วยเหลือทาง กฎหมายแก่ประชาชนให้มีคุณภาพ โปร่งใสและตรวจสอบได้ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา
2. พัฒนาความร่วมมือ บูรณาการเครือข่ายองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้านการพัฒนากระบวนการยุติธรรมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปและตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมของประเทศ
3. เพิ่มศักยภาพมาตรฐานกลไกการบริหารจัดการระบบงานและกระบวนการทํางานที่สําคัญ รวมทั้งการพัฒนาระบบติดตามประเมินผลและระบบจัดการองค์ความรู้เพื่อมุ่งสู่การสร้างนวัตกรรมโดยมีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นพื้นฐาน
4. พัฒนาองค์กรให้มีคุณภาพคู่คุณธรรมตามหลักธรรมาภิบาล บุคลากรมีสมรรถนะสูง มีคุณธรรม จริยธรรม และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
โครงสร้าง (Structure)
วัฒนธรรมองค์กร
ตราสัญลักษณ์
รูปพระมหาพิชัยมงกุฎประดิษฐานเหนือพระแว่น พระสุริยกานต์
และตราชูรูปพระขรรค์ รองรับด้วยช่อชัยพฤกษ์
สำนักงานอัยการสูงสุด แต่เดิมเป็นกรมอัยการ สังกัดกระทรวงมหาดไทย เครื่องหมายราชการและเครื่องหมายแสดงสังกัดจึงเป็นรูปตราราชสีห์ ต่อมาพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2534 ได้บัญญัติให้สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง อยู่ในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี จึงได้มี การกำหนดเครื่องหมายราชการและเครื่องหมายแสดงสังกัดขึ้นใหม่ สำหรับใช้เป็นเครื่องหมายราชการของสำนักงานอัยการสูงสุดและเป็นเครื่องหมายแสดงสังกัด ใช้กับเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายอัยการ ประกอบกับกฎหมายว่าด้วย
ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ ได้บัญญัติให้นำกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน มาใช้บังคับกับข้าราชการธุรการของสำนักงานอัยการสูงสุด และกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ได้บัญญัติให้เครื่องหมายแบบข้าราชการพลเรือน เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย เครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน และโดยที่กฎหมายว่าด้วยเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน ได้บัญญัติให้ การกำหนดเครื่องหมายแสดงสังกัด สำหรับใช้กับเครื่องแบบข้าราชการพลเรือน ต้องออกเป็นกฎสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักนายกรัฐมนตรี จึงออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการกำหนดภาพเครื่องหมายราชการ ตามบัญญัติเครื่องหมายราชการ พุทธศักราช 2482 (ฉบับที่ 129) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 เล่ม 109 ตอนที่ 40 หน้า 104-105 และออกกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 79 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับลงวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2535 เล่ม 109 ตอนที่ 51 หน้า 4-5 กำหนดเครื่องหมายแสดงสังกัดของสำนักอัยการสูงสุด เป็นรูปตราพระมหาพิชัยมงกุฎ ประดิษฐานเหนือพระแว่น สุริยกานต์ และตราชูรูปพระขรรค์ รองรับด้วยช่อชัยพฤกษ์
เครื่องหมายราชการ และเครื่องหมายแสดงสังกัดของสำนักงานอัยการสูงสุด จึงเปลี่ยนจากรูปตราราชสีห์เป็น รูปพระมหาพิชัยมงกุฎประดิษฐานเหนือพระแว่น พระสุริยกานต์ และตราชูรูปพระขรรค์ รองรับด้วยช่อชัยพฤกษ์ มีความหมายถึงอำนาจหน้าที่ในการเป็นทนายแผ่นดิน การใช้กฎหมายด้วยความรอบคอบ เป็นธรรม และเด็ดขาด มีชัยชนะเหนืออธรรม
บุคลากร
ข้าราชการอัยการ
ข้าราชการุรการ
จ้างเหมาบริการ
ทำเนียบผู้บริหาร
รายชื่ออัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดปราจีนบุรี
ลำดับ ชื่อ นามสกุล ดำรงตำแหน่ง
1 นายมณฑล เทียนเกษม 1 เม.ย. 2557 – 31 มี.ค.2561
2 นายศานติ วจะรักษ์เลิศ 1 เม.ย. 2561 – 30 ก.ย. 2561
3 นายเกรียงศักดิ์ สินทวีเพิ่มพูน 1 ต.ค. 2561 – 31 มี.ค. 2562
4 นางสาววรรณทนีย์ สุดสัตย์ 1 เม.ย. 2562 – 31 มี.ค. 2563
5 นายศักดิ์ชัย รังสิวรารักษ์ 1 เม.ย. 2563 – 31 มี.ค. 2564
6 นายวิชิต เอื้อกมลชาญ 1 เม.ย. 2564 – 31 มี.ค. 2565
7 ร้อยตำวจเอกสมชาติ กฤตวัชราสน์ 1 เม.ย. 2565 – 31 มี.ค. 2566
8 นายธารา เตชะสหะพัฒนา 1 เม.ย. 2566 – ปัจจุบัน
ติดต่อหน่วยงาน
สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดปราจีนบุรี
เลขที่ 91 หมู่ที่ 11 ต.ไม้เค็ด ถนนราษฎรพัฒนา อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี 25230
โทร.0-3748-2400 โทรสาร.0-3748-2400