ข่าวประชาสัมพันธ์

สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก เข้าร่วมกิจกรรมเนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย 28 กันยายน (Thai National Flag Day) ประจำปี 2566 โดยมีข้าราชการและบุคลากรของสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก เข้าร่วมกิจกรรมเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติไทย เวลา 08.00 นาฬิกา ณ บริเวณหน้าอาคารสำนักงานอัยการภาค 6 ในวันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2566 โดยมีอธิบดีอัยการภาค 6 เป็นประธาน

นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด พร้อมคณะ ได้ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก ในวันที่ 9 มกราคม 2566

สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก โดยมีบุคลากรของสำนักงานร่วมมือจัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวัน มอบอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา หน้ากากอนามัย ให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านป่าค่าย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก

ขั้นตอนการส่งสำนวนคดีปกครอง ให้อัยการแก้ต่าง-ว่าต่าง แทน

          สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการดำเนินคดีปกครองในเขตอำนาจศาลปกครองพิษณุโลก แทนรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ ที่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือหน่วยงานอื่นใดที่ดำเนินกิจการของรัฐ และเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกฟ้องในคดีปกครองในเรื่องการที่ได้กระทำไปตามอำนาจหน้าที่

          แก้ต่าง พนักงานอัยการจะดำเนินการให้ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เทศบาลหรือสุขาภิบาล หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็น ผู้ถูกฟ้องคดี

          ว่าต่าง พนักงานอัยการจะดำเนินการให้ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เทศบาลหรือสุขาภิบาล หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็น ผู้ฟ้องคดี

โดยให้หน่วยงานดำเนินการ ดังนี้

         1. ให้ส่งหนังสือไปยัง “อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก”  สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก   ว่าต่าง-แก้ต่าง แทน (สามารถดูตัวอย่างหนังสือนำส่ง ด้านล่าง)

            กรณีส่งเรื่องให้สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก ดำเนินการ
              – แก้ต่างคดี ขอให้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก ก่อนวันครบกำหนดยื่นคำให้การ   หากคดีใกล้ครบกำหนดยื่นคำให้การ ให้ผู้ถูกฟ้องคดียื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การต่อศาลปกครองพิษณุโลก ก่อน แล้วจึงส่งเรื่องให้สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก พร้อมทั้งคำร้องขอขยายฯ รวมทั้งแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลกทราบด้วย
              – ว่าต่าง ให้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก ก่อนครบกำหนดที่จะต้องยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครอง และก่อนจะขาดอายุความไม่น้อยกว่า ๑ เดือน เพื่อให้อัยการได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและสำนวนคดี เพื่อมิให้เป็นการเสียหายต่อคดี

         2. ส่งใบมอบอำนาจ ตามแบบฟอร์มของศาลปกครอง จำนวน 3 ฉบับ (สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของศาลปกครอง หรือเว็บไซต์ของสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก หัวข้อดาวน์โหลดเอกสาร) โดยเซ็นชื่อผู้มอบอำนาจและพิมพ์ชื่อผู้มอบอำนาจ ส่วนข้อมูลในใบมอบอำนาจทั้งหมด สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลกจะพิมพ์ข้อมูลให้ เพื่อความถูกต้อง สมบูรณ์ ของใบมอบอำนาจ

         3. แนบบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ/บัตรข้าราชการ ของผู้มีอำนาจลงนามของผู้ถูกฟ้องคดี-ผู้ฟ้องคดี จำนวน 3 ฉบับ (รับรองสำเนาถูกต้อง)   หากเป็นผู้ทำการแทน ปฏิบัติราชการแทน หรือรักษาการแทน ให้ส่งคำสั่งแต่งตั้งมาด้วย จำนวน 3 ชุด

         4. ส่งคำสั่งเรียกให้ทำคำให้การ (หมายศาลปกครอง) สำเนาคำฟ้องและสำเนาพยานหลักฐาน (ตัวจริง)

         5. จัดทำคำชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดี ตามลำดับเหตุการณ์ (สรุปข้อเท็จจริง) พร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวน ๓ ชุด และรับรองสำเนาถูกต้องทุกหน้า ทุกแผ่น

         6. ขอให้แจ้งเหตุผลที่ประสงค์จะให้พนักงานอัยการใช้เป็นข้อโต้แย้งคำฟ้อง หรือเหตุผลที่ต้องการฟ้องคดีปกครอง ทุกประเด็น หากมีเอกสารประกอบข้อโต้แย้งหรือประกอบคำฟ้อง ขอให้ส่งเอกสารประกอบด้วย จำนวน ๓ ชุด พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องทุกหน้า ทุกแผ่น

         7. หากมีผู้ฟ้องคดี หรือผู้ถูกฟ้องคดี มากกว่า 1 คน ให้จัดส่งเอกสารเพิ่มเติมอีก 1 คน/1 ชุด

         8. บันทึกข้อมูลสรุปข้อเท็จจริง ลงในแผ่น CD

         9. ส่งเอกสารทั้งหมดในข้อ 1-6 มายัง

     สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก

     อาคารสำนักงานอัยการภาค 6 ชั้น 2      
     ถนนพิษณุโลก-เต็งหนาม   
     ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก 
     จังหวัดพิษณุโลก   
     65000

หากมีข้อสงสัย ไม่เข้าใจ หรือต้องการสอบถามในส่วนไหน อย่างไร ให้ติดต่อมายัง สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก

หมายเลขโทรศัพท์ 0-5528-0646   หรือ

งานสนับสนุนคดี 0-5528-0644 ต่อ 219

ระยะเวลาการฟ้องคดีปกครอง

           ระยะเวลาในการฟ้องคดีปกครองเป็นไปตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองพ.ศ.๒๕๔๒มาตรา๔๙,๕๐หรือ๕๑ซึ่งมีระยะเวลาในการฟ้องคดีที่แตกต่างกันตามประเภทคดีดังนี้

              ๑คดีที่พิพาทเกี่ยวกับหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกกฎหรือคำสั่งทางปกครองหรือกระทำการอื่นใดโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นผู้ฟ้องคดีเห็นว่าเจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่ออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือผู้ฟ้องคดีเห็นว่าผู้บังคับบัญชามีคำสั่งลงโทษทางวินัยโดยไม่เป็นธรรมผู้ฟ้องคดีต้องยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองภายใน๙๐วันนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี

            ๒.คดีที่พิพาทเกี่ยวกับหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควรเช่นกรณีเจ้าพนักงานท้องถิ่นละเลยต่อหน้าที่ไม่ตรวจตราและออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างหรือต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตผู้ฟ้องคดีต้องฟ้องภายใน๙๐วันนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีในกรณีที่ผู้ฟ้องคดีร้องขอต่อหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งแต่หน่วยงานละเลยต่อหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควรจะเริ่มนับระยะการฟ้องคดีตั้งแต่วันที่พ้นกำหนด๙๐วันนับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอต่อหน่วยงานหรือหากผู้ฟ้องคดีได้รับหนังสือแจ้งจากหน่วยงานแต่เห็นว่าเป็นคำชี้แจงที่ไม่มีเหตุผลจะเริ่มนับระยะเวลาการฟ้องคดีตั้งแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้รับหนังสือแจง

             ๓.คดีพิพาทเกี่ยวกับการทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายหรือจากกฎคำสั่งหรือการละเลยต่อหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควรเช่นการที่เจ้าพนักงานที่ดินออกคำสั่งเพิกถอนการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายและผู้ฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายหรือการฟ้องเรียกค่าทดแทนการเวนคืนผู้ฟ้องคดีต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครองภายใน๑ปีนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีแต่จะต้องไม่เกิน๑๐ปีนับแต่มีเหตุแห่งการฟ้องคดีและจะต้องฟ้องภายในระยะเวลา๑๐ปีเท่านั้น

             ๔.คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองเช่นข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาจ้างเอกชนก่อสร้างถนนสะพานอาคารเรียนหรือข้อพิพาทเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าสัมปทานตามสัญญาสัมปทานผู้ฟ้องคดีต้องยื่นฟ้องภายใน๕ปีนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีแต่ระยะเวลา๕ปีนั้นจะต้องไม่เกิน๑๐ปีนับแต่มีเหตุแห่งการฟ้องคดีและจะต้องฟ้องภายในระยะเวลา๑๐ปี

             ๕.คดีที่พิพาทเกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะเช่นการฟ้องคดีขอเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกทับหนองน้ำสาธารณะผู้ฟ้องคดีจะยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองเมื่อใดก็ได้

             ๖.คดีที่พิพาทเกี่ยวกับสถานะของบุคคลเช่นการฟ้องเกี่ยวกับสัญชาติของบุคคลผู้ฟ้องคดีจะยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองเมื่อใดก็ได้

             ๗.การฟ้องคดีปกครองที่ยื่นฟ้องเมื่อพ้นกำหนดการฟ้องคดีแล้วถ้าศาลปกครองเห็นว่าคดีที่ยื่นฟ้องนั้นจะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมหรือเป็นเหตุจำเป็นอื่นศาลปกครองอาจรับไว้พิจารณาก็ได้

            ๘.การยื่นคำร้องขอบังคับตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการต้องยื่นคำร้องภายใน๓ปีนับแต่วันที่อาจสามารถบังคับคดีได้(วันที่คู่ความทราบคำชี้ขาดมาตรา๔๒)

            ๙.การยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต้องยื่นภายใน๙๐วันนับแต่วันทราบคำชี้ขาด(วันที่รับคำชี้ขาดจากสำนักระงับข้อพิพาทสำนักงานศาลยุติธรรม)

การคิดเงินค่าธรรมเนียมศาล

         – การฟ้องคดีที่ขอให้ศาลสั่งให้ใช้เงินหรือส่งมอบทรัพย์สินอันสืบเนื่องจากคดีตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง(๓) หรือ(๔) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ ซึ่งมีทุนทรัพย์ไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท  คิดค่าธรรมเนียมศาลในอัตราร้อยละ ๒  แต่ไม่เกินสองแสนบาท ส่วนที่เกิน ๕๐ ล้านขึ้นไปคิดค่าธรรมเนียมศาลอีกในอัตราร้อยละ ๐.๑ ของจำนวนทุนทรัพย์ที่จะฟ้อง

         – คำร้องขอให้ศาลบังคับตามคำชี้ขาดหรือคำร้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในประเทศไทยซึ่งมีทุนทรัพย์ไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท คิดค่าธรรมเนียมศาลในอัตราร้อยละ ๐.๕ แต่ไม่เกินห้าหมื่นบาท ส่วนที่เกิน ๕๐ ล้านบาทขึ้นไปคิดค่าธรรมเนียมศาลอีกในอัตราร้อยละ ๐.๑ ของจำนวนที่ร้องขอให้ศาลบังคับ

    การคำนวณทุนทรัพย์ถ้าทุนทรัพย์ไม่ถึงหนึ่งร้อยบาทให้นับเป็นหนึ่งร้อยบาทเศษของหนึ่งร้อยบาทถ้าไม่ถึง ๕๐บาท ให้ปัดทิ้งถ้าเกิน ๕๐ บาทให้ปัดเป็นหนึ่งร้อยบาทแล้วนำไปคิดเงินค่าธรรมเนียมศาลในอัตราร้อยละ ๒ หรือ๐.๕ หรือ ๐.๑ แล้วแต่กรณีและเพื่อรวมค่าธรรมเนียมศาลดังกล่าวแล้วมีเศษไม่ถึงหนึ่งบาทให้ปัดทิ้ง

                  – การชำระค่าธรรมเนียมศาลตัวความสามารถชำระได้โดย   
            –  จ่ายเป็นเงินสดด้วยตนเอง ณ ศาลปกครองพิษณุโลก 
             – จ่ายเป็นตั๋วแลกเงิน โดยสั่งจ่ายในนาม“เงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับของสำนักงานศาลปกครองพิษณุโลก”ส่งไปยังศาลปกครองพิษณุโลก
            –  นำเงินสดไปพบพนักงานอัยการ เพื่อยื่นเงินค่าธรรมเนียม
(ทั้งนี้การชำระค่าธรรมเนียมศาลดังกล่าวให้หน่วยงานเจ้าของคดีประสานกับพนักงานอัยการหรือนิติกรที่รับผิดชอบคดีก่อนชำระค่าธรรมเนียมศาลทุกครั้ง)

                     เมื่อชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลเรียบร้อยแล้วให้จัดส่งสำเนาหลักฐานการชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลส่งไปยังสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไป

พบเห็นการทุจริต ประพฤติมิชอบ ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด
สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก
ร้องเรียนได้ที่

สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก
อาคารสำนักงานอัยการภาค 6 ชั้น 2
ถนนพิษณุโลก-เต็งหนาม ต.หัวรอ
อ.เมือง จ.พิษณุโลก 65000

คำแนะนำการเขียนหนังสือร้องเรียนต่อสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก
หนังสือทำถึง “เรียน สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก” หรือเข้าร้องทุกข์ กล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานอัยการ ณ สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก โดยพนักงานอัยการจะส่งเรื่องเพื่อดำเนินการต่อไป
ให้มีรายละเอียดการร้องเรียนดังนี้
2.1 ชื่อ -สกุล ที่อยู่ และ หมายเลขโทรศัพท์ของผู้กล่าวหา
2.2 ชื่อ -สกุล ตำแหน่ง สังกัด ของผู้ถูกกล่าวหา
2.3 ระบุข้อกล่าวหาการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ร่ำรวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
2.4 บรรยายการกระทำความผิดอย่างละเอียดตามหัวข้อดังนี้
2.4.1 กรณีกล่าวหากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ราชการหรือ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ก.การกระทำความผิดเกิดขึ้นเมื่อใด ข.มีขั้นตอนหรือรายละเอียดการกระทำความผิดอย่างไร ค.มีพยานบุคคลรู้เห็นเหตุการณ์ หรือไม่ (ถ้าไม่สามารถนำมาได้ให้ระบุว่าใครเป็นผู้เก็บรักษาไว้) ง.ในเรื่องนี้ได้ร้องเรียนต่อหน่วยงานใด หรือยื่นฟ้องต่อศาลใด เมื่อใด และผลเป็นประการใด 2.4.2 กรณีกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ก.ฐานะเดิมของผู้ถูกกล่าวหาและภริยาหรือสามีรวมทั้งบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างไร ข.ผู้ถูกกล่าวหา และภริยาหรือสามี มีอาชีพอื่น ๆ หรือไม่ ถ้ามีอาชีพอื่นแล้วมีรายได้มากน้อย เพียงใด ค.ทรัพย์สินที่จะแสดงให้เห็นว่าร่ำรวยผิดปกติฯ มีอะไรบ้างเช่น - บ้าน มีจำนวนกี่หลัง, ตั้งอยู่ที่ใด (เลขที่บ้าน ถนน/ซอย ตำบล/แขวงอำเภอ/เขตจังหวัด), ซื้อเมื่อใด และราคาขณะซื้อเท่าใด - ที่ดิน มีจำนวนกี่แปลง, ตั้งอยู่ที่ใด (เช่นเดียวกับหัวข้อที่ตั้งของบ้าน), ซื้อเมื่อใด และราคา ขณะซื้อเท่าใด - รถยนต์ มีจำนวนกี่คัน, ยี่ห้อ, รุ่น, สี, หมายเลขทะเบียน,ซื้อเมื่อใด จากใครและราคาขณะ ซื้อเท่าใด - มีเงินฝากที่ธนาคารใด สาขาใด - ทรัพย์สินอื่น ๆ
ลงลายมือชื่อ และเขียนชื่อ – สกุลด้วยตัวบรรจง พร้อมแจ้งที่อยู่ของผู้กล่าวหาให้ชัดเจนหากต้องการให้สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก ปกปิดชื่อ – สกุล และที่อยู่ให้ระบุชัดเจนด้วย ส่วนกรณีที่ไม่เปิดเผย ชื่อ – สกุลจริงถือว่าเป็นบัตรสนเท่ห์ให้ส่งแบบไปรษณีย์ตอบรับ (เพื่อจะได้รับทราบว่าหนังสือร้องเรียนส่งถึงสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลกแล้ว) เพราะสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลกจะติดต่อกับผู้ร้องเรียนโดยตรงกับผู้ร้องเรียนที่แจ้งชื่อ – สกุล และที่อยู่ เท่านั้น หมายเหตุ หากกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะต้องระบุชื่อ – นามสกุลและลงลายมือชื่อผู้กล่าวหาโดยเฉพาะผู้กล่าวหาจะต้องเป็นผู้รับได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำนั้น

หรือ  สามารถร้องเรียนได้ที่ 
>> ศูนย์ประสานราชการใสสะอาด สำนักงานอัยการสูงสุด <<
http://www.cmiss.ago.go.th สำนักงานคณะกรรมการอัยการ
>> สายด่วนประชาสัมพันธ์ – สายด่วนร้องเรียน
<< http://www.pr.ago.go.th ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานอัยการสูงสุด

ดาวน์โหลดเอกสารการร้องเรียน/ร้องทุกข์

เกี่ยวกับสำนักงาน

ประวัติความเป็นมา
ของสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก

 ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 276 และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง
และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ได้บัญญัติให้มีและจัดตั้งศาลปกครอง ซึ่งในปัจจุบันศาลปกครองได้เปิดทำการแล้ว

ปรากฎว่ามีคดีปกครองจำนวนมากที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐมอบอำนาจให้พนักงานอัยการฟ้องคดีหรือดำเนินคดีปกครองแทน
กอปรกับระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยองค์คณะ
การจ่ายสำนวนการโอนคืน การปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการในคดีปกครอง การคัดค้านตุลาการศาลปกครอง การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานคดีปกครอง และการมอบอำนาจให้ดำเนินคดีปกครองแทน พ.ศ. 2544
ข้อ 20 กำหนดให้หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมอบอำนาจให้พนักงานอัยการ
ฟ้องคดีหรือดำเนินคดีปกครองแทนได้

ดังนั้น สำนักงานอัยการสูงสุดจึงได้จัดให้มีพนักงานอัยการ
ไว้ปฏิบัติราชการดำเนินคดีแทนหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าวเป็นการเฉพาะ
โดยได้มีคำสั่งที่ 214/2544 แก้ไขเพิ่มเติมการจัดระเบียบบริหารราชการและแบ่งส่วนราชการภายใน
ของสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อจัดตั้งสำนักงานคดีปกครองให้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินคดีที่อยู่ใน
อำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองขึ้นแล้วโดยที่มีการจัดตั้งศาลปกครองชั้นต้นในกรุงเทพมหานครและในภูมิภาคตามความในมาตรา 7 และ มาตรา 94 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542ประกอบกับได้มีประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่องสถานที่ตั้งและวันเปิดทำการของศาลปกครองพิษณุโลกโดยศาลมีเขตอำนาจรับผิดชอบ 8 จังหวัด คือ ่
จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร สุโขทัย ตาก เปิดทำการตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2545
โดยมีอธิบดีศาลปกครองพิษณุโลก เป็นผู้บังคับบัญชา และจะได้เปิดทำการศาลปกครองในภูมิภาค
ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นอีกหลายแห่งดังนั้น เพื่อจัดให้มีพนักงานอัยการไว้ปฏิบัติราชการดำเนินคดีแทนหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐในภูมิภาคเป็นการเฉพาะ จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมการจัดระเบียบบริหารราชการและแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อจัดตั้งสำนักงานคดีปกครองใน
ภูมิภาคให้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินคดีปกครองที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองภูมิภาค

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ พ.ศ.2498 และ
มาตรา 31 วรรคสาม มาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 จึงจัด
ระเบียบบริหารราชการและแบ่งส่วนราชการของสำนักงานอัยการสูงสุดเพิ่มเติมขึ้นไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้แบ่งส่วนราชการสำนักงานอัยการสูงสุดเพิ่มเติมจากคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 423/2539 เรื่อง การจัดระเบียบบริหารราชการและแบ่งส่วนราชการ -คำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 313/2540 เรื่องการจัดระเบียบบริหารราชการและการแบ่งส่วนราชการ (ฉบับที่ 2)
-คำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 442/2540 เรื่องการจัดระเบียบบริหารราชการและการแบ่งส่วนราชการ (ฉบับที่ 3)
-คำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 143/2542 เรื่องการจัดระเบียบบริหารราชการและการแบ่งส่วนราชการ (ฉบับที่ 4)
-คำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 214/2544 เรื่องการจัดระเบียบบริหารราชการและการแบ่งส่วนราชการ (ฉบับที่ 5) ดังนี้

(1) สำนักงานคดีปกครองขอนแก่น
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองขอนแก่น 1-2

(2) สำนักงานคดีปกครองชุมพร
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองชุมพร 1-2

(3) สำนักงานคดีปกครองเชียงใหม่
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองเชียงใหม่ 1-2

(4) สำนักงานคดีปกครองนครราชสีมา (เปิดทำการเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๔๔)
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองนครราชสีมา 1-2

(5) สำนักงานคดีปกครองนครศรีธรรมราช
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองนครศรีธรรมราช 1-2

(6) สำนักงานคดีปกครองบุรีรัมย์
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองบุรีรัมย์ 1-2

(7) สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองพิษณุโลก 1-2

(8) สำนักงานคดีปกครองแพร่
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองแพร่ 1-2

(9) สำนักงานคดีปกครองยะลา
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองยะลา 1-2

(10) สำนักงานคดีปกครองระยอง
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองพิษณุโลก 1-2

(11) สำนักงานคดีปกครองลพบุรี
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองลพบุรี 1-2

(12) สำนักงานคดีปกครองสกลนคร
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองสกลนคร 1-2

(13) สำนักงานคดีปกครองสงขลา
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองสงขลา 1-2

(14) สำนักงานคดีปกครองสุพรรณบุรี
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองสุพรรณบุรี 1-2

(15) สำนักงานคดีปกครองอุดรธานี
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองอุดรธานี 1-2

(16) สำนักงานคดีปกครองอุบลราชธานี (เปิดทำการเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔)
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองอุบลราชธานี 1-2

ข้อ 2 ให้สำนักงานคดีปกครองตามข้อ 1. มีอำนาจหน้าที่
(ก) รับผิดชอบการดำเนินคดีทั้งปวงตามที่กฎหมายหรือระเบียบกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการหรือสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
(ข) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมายให้ส่วนราชการในสำนักงานคดีปกครองตามข้อ 1. มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(ก) ฝ่ายกิจการทั่วไป มีอำนาจหน้าที่

1) รับผิดชอบงานธุรการ งานสารบบคดี งานบริหารงานบุคคล งานเลขานุการนักบริหารงานงบประมาณ งานการเงินและบัญชี งานเกี่ยวกับอาคารสถานที่ พัสดุ และ ยานพาหนะของสำนักงาน

2) ปฏิบัติงานร่วมหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครอง มีอำนาจหน้าที่
1) รับผิดชอบงานสำนักงานคดีปกครองตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด
2) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย

โดยสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก ได้เปิดทำการวันแรกในวันที่ 3 ตุลาคม 2545
ตั้งอยู่ภายในอาคารสำนักงานอัยการภาค 6 ชั้น 2 ซอยราษฎร์ศรัทธาทำ ถนนพิษณุโลก-เต็งหนาม ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก
มีเขตอำนาจรับผิดชอบ 6 จังหวัด คือ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดตาก จังหวัดพิจิตร จังหวัดสุโขทัย และอุตรดิตถ์
อธิบดีคนแรก คือ นายชูเกียรติ ธรรมรักษ์ มีอัยการทั้งหมด 6 คน ข้าราชการธุรการ 3 คน
ปัจจุบัน มีอัยการทั้งหมด 7 คน ข้าราชการธุรการ 8 คน ลูกจ้างชั่วคราว 3 คน
อธิบดีคนปัจจุบัน คือ นายสมชาย ชัยรัตน์

อำนาจหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุด มีดังนี้

           (มาตรา ๒๓) สำนักงานอัยการสูงสุด นอกจากมีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการและงานวิชากร เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานอัยการแล้ว ให้มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้           
          (๑) ให้ความช่วยเหลือประชาชนในการดำเนินการทางกฎหมายรวมตลอดทั้งในการคุ้มครองป้องกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และการให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน
          (๒) ให้คำปรึกษา และตรวจร่างสัญญาหรือเอกสารทางกฎหมายให้แก่รัฐบาล และหน่วยงานของรัฐ
          (๓) ให้คำปรึกษา และตรวจร่างสัญญาหรือเอกสารทางกฎหมายให้แก่นิติบุคคล ซึ่งมิใช่หน่วยงานของรัฐแต่ได้มีพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้น ทั้งนี้ ตามที่เห็นสมควร
          (๔) ดำเนินการเกี่ยวกับการบังคับคดีแพ่ง หรือคดีปกครองแทนรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งพนักงานอัยการได้รับดำเนินคดีให้
          (๕) ดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีร้องขอ เว้นแต่การดำเนินการนั้นจะขัดต่องานในหน้าที่ หรืออาจทำให้ขัดต่อความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการ
          (๖) ดำเนินการเกี่ยวกับการฝึกอบรมเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาข้ารการฝ่ายอัยการ
          (๗) ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐในการอำนวยความยุติธรรม การรักษาผลประโยชน์ของรัฐและประชาชน
          (๘) ติดต่อและประสานงานกับองค์กรหรือหน่วยงานต่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ในอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการหรือสำนักงานอัยการสูงสุด
          (๙) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการ หรือสำนักงานอัยการสูงสุด
          ในการตรวจร่างสัญญาตาม (๒) และ (๓) ให้สำนักงานอัยการสูงสุดมีหน้าที่รักษาประโยชน์ของรัฐ ในการนี้สำนักงานอัยการสูงสุดมีหน้าที่รายงานรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐตาม (๒) หรือนิติบุคคลตาม (๓) ที่เป็นคู่สัญญาให้ทราบถึงข้อที่ควรปรับปรุงหรือแก้ไขให้สมบูรณ์ ข้อเสียเปรียบหรือข้อที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ


อำนาจหน้าที่ของอัยการสูงสุด มีดังนี้

          (มาตรา ๒๗)  ให้อัยการสูงสุดมีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
          (๑) กำหนดนโยบายและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานอัยการสูงสุด ให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นไปตามเป้าหมาย แนวทาง และแผนการปฏิบัติราชการของสำนักงานอัยการสูงสุด
          (๒) ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารราชการ ปฏิบัติราชการ และบริหารงานบุคคลของสำนักงานอัยการสูงสุด ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ แบบแผน และประเพณีปฏิบัติของราชการ
          (๓) บริหารจัดการงบประมาณ การเงิน ทรัพย์สิน และการพัสุดของสำนักงานอัยการสูงสุด
          ในการปฏิบัติราชการตามวรรคหนึ่ง อัยการสูงสุดอาจมอบอำนาจให้รองอัยการสูงสุด หรือข้าราชการฝ่ายอัยการผู้หนึ่งผู้ใดปฏิบัติหน้าที่แทนได้
          ให้อัยการสูงสุดโอยความเห็นชอบของ ก.อ. มีอำนาจออกระเบียบเกี่ยวกับการบริหารจัดการงบประมาณ การเงิน ทรัพย์สิน และการพัสดุของสำนักงานอัยการสูงสุด

อำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการ มีดังนี้

          มาตรา ๑๔ พนักงานอัยการมีอำจานและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
          (๑) อำนาจและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
          (๒) ในคดีอาญา มีอำนาจและหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและ ตามกฎหมายอื่นซึ่งบัญญัติว่าเป็นอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุดหรือพนักงานอัยการ
          (๓) ในคดีแพ่ง หรือคดีปกครอง มีอำนาจและหน้าที่ดำเนินคดีแทนรัฐบาล หน่วยงานของรัฐที่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ราชการส่วนกลาง หรือราชการส่วนภูมิภาคในศาล หรือในกระบวนการทางอนุญาโตตุลากรทั้งปวง กับมีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายอื่นซึ่งบัญญัติว่าเป็นอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุดหรือพนักงานอัยการ
          (๔) ในคดีแพ่ง คดีปกครอง หรือคดีอาญา ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกฟ้องในเรื่องการที่ได้กระทำไปตามหน้าที่ก็ดี หรือในคดีแพ่งหรือคดีอาญาที่ราษฎรผู้หนี่งผู้ใดถูกฟ้องในเรื่องการที่ได้กระทำตามคำสั่งของเจ้าที่ของรัฐซึ่งได้สั่งการโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเข้าร่วมหรือช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งกระทำการในหน้าที่ราชการก็ดี เมื่อเห็นสมควรพนักงานอัยการจะรับแก้ต่างให้ก็ได้
          (๕) ในคดีแพ่ง คดีปกครอง หรือกรณีมีข้อพิพาทที่ต้องดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการ ที่หน่วยงานของรัฐซึ่งมิได้กล่าวใน (๓) หรือนิติบุคคลซึ่งมิใช่หน่วยงานของรัฐ แต่ได้มีพระราชบัญญัติด้วยกันเอง เมื่อเห็นสมควรพนักงานอัยการจะรับว่าต่างหรือแก้ต่างให้ก็ได้
          (๖) ในคดีที่ราษฎรฟ้องเองไม่ได้โดยกฎหมายห้าม เมื่อเห็นสมควรพนักงานอัยการมีอำนาจเป็นโจทก์ได้
          (๗) ดำเนินการตามที่เห็นสมควรเกี่ยวกับการบังคับคดีอาญาเฉพาะในส่วนของการยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามคำพิพากษาก ในการนี้มิให้เรียกค่าฤชาธรรมเนียมจากพนักงานอัยการ
          (๘) ในกรณีที่มีการผิดสัญญาประกันจำเลย หรือประกันรับสิ่งของไปดูแลรักษา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มีอำนาจและหน้าที่ดำเนินคดีในการบังคับให้เป็นไปตามสัญญานั้น ในการนี้มิให้เรียกค่าฤชาธรรมเนียมจากพนักงานอัยการ
          (๙) อำนาจและหน้าที่ตาม ก.อ. ประกาศกำหนดหรือเห็นชอบเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย หรือมติคณะรัฐมนตรี
          (๑๐) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการ
          (๑๑) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กำหนดให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุด ตามที่ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด
          ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการตามมาตรา ๑๔ (๓) (๔) และ (๕) พนักงานอัยการจะออกคำสั่งเรียกบุคคลใดๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำก็ได้ แต่จะเรียกคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาให้ถ้อยคำ โดยคู่ความฝ่ายนั้นไม่ยินยอมไม่ได้
          พนักงานอัยการตำแหน่งใดมีอำนาจดำเนินการตามวรรคหนึ่งได้เพียงใดให้เป็นไปตามระเบียบที่สำนักงานอัยการสูงสุด กำหนดโดยความเห็นชอบของ ก.อ.

อำนาจหน้าที่ ของสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก

อำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการ    

ก) รับผิดชอบการดำเนินคดีทั้งปวงตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการหรือสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองพิษณุโลก  

ข) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับ  

มอบหมายให้ ส่วนราชการในสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

1. ฝ่ายกิจการทั่วไป มีอำนาจหน้าที่  

   1.1 รับผิดชอบงานธุรการ งานสารบบคดี งานบริหารบุคคล งานเลขานุการนักบริหาร งานงบประมาณ งานการเงินและ
         บัญชี และงานเกี่ยวกับอาคารสถานที่ พัสดุ และยานพาหนะ ของสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก  

   1.2 ปฏิบัติงานร่วมกับ หรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย

2. สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครองพิษณุโลก 1-2 มีอำนาจหน้าที่        

   2.1 รับผิดชอบงานสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลกตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด          

   2.2 ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมาย

วิสัยทัศน์ (Vision)

“องค์กรนำในการใช้กฎหมาย เพื่อรักษาความยุติธรรมให้กับประชาชนและสังคม”

พันธกิจ (Missions)

1. ยกระดับคุณภาพมาตรฐานงานตามภารกิจ ด้านการอํานวยความยุติธรรม การรักษาผลประโยชน์ของรัฐและประชาชน และการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและช่วยเหลือทาง กฎหมายแก่ประชาชนให้มีคุณภาพ โปร่งใสและตรวจสอบได้ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา
2. พัฒนาความร่วมมือ บูรณาการเครือข่ายองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้านการพัฒนากระบวนการยุติธรรมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปและตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมของประเทศ
3. เพิ่มศักยภาพมาตรฐานกลไกการบริหารจัดการระบบงานและกระบวนการทํางานที่สําคัญ รวมทั้งการพัฒนาระบบติดตามประเมินผลและระบบจัดการองค์ความรู้เพื่อมุ่งสู่การสร้างนวัตกรรมโดยมีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นพื้นฐาน
4. พัฒนาองค์กรให้มีคุณภาพคู่คุณธรรมตามหลักธรรมาภิบาล บุคลากรมีสมรรถนะสูง มีคุณธรรม จริยธรรม และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

โครงสร้าง (Structure)
วัฒนธรรมองค์กร

วิสัยทัศน์ (Vision) ของสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก

          สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก เป็นหน่วยงานที่มีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายและมีความเที่ยงธรรม เป็นที่เชื่อมั่นของหน่วยงานราชการ ข้าราชการ และประชาชน ที่ส่งเรื่องมาให้ดำเนินการ และรักษาผลประโยชน์ของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ

พันธกิจ (Mission) ของสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก

            – เสริมสร้างการอำนวยความยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมายในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนด้วยความเที่ยงธรรม
            – ธำรงรักษาและพัฒนาระบบและกลไกในการรักษาผลประโยชน์ของรัฐและประชาชน
            – พัฒนางานและเสริมสร้างบุคลากรในการสร้างศักยภาพการดำเนินคดีปกครอง โดยการเสริมสร้างให้บุคลากรได้เรียนรู้ในการดำเนินคดีปกครองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผลการปฏิบัติงานสัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมายของสำนักงาน
            – เสริมสร้างให้บุคลากรพัฒนาศักยภาพของตนเองให้มีขีดสมรรถนะ มีความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงานเพื่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงตามแนวทางบริหารกิจการภาครัฐแนวใหม่ ให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางราชการ
            – ส่งเสริมให้บุคลากรมีความตระหนักรู้ถึงคุณธรรมและจริยธรรม จรรยาบรรณของข้าราชการ ปฏิบัติตนเป็นข้าราชการที่ดี

ยุทธศาสตร์ ของสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก

            – การดำเนินการคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และการบังคับใช้กฎหมายในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อประโยชน์ส่วนรวม
           – การดำเนินการโดยมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่หน่วยงานให้สาธารณชนได้รับทราบภารกิจของหน่วยงานให้ครอบคลุมโดยทั่วกัน
           – การดำเนินการสนับสนุนให้พัฒนาบุคลากร ในการเพิ่มขีดสมรรถนะของบุคลากรทุกระดับชั้นให้มีโอกาสได้ฝึกอบรมและผ่านการฝึกปฏิบัติในทุกโอกาส เรียนรู้ทราบแนวทางการพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองที่ผ่านมา
           – การปฏิบัติงานตามนโยบายเชิงรุก และการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด

สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก
มีพื้นที่ในความรับผิดชอบในการดำเนินคดีปกครอง จำนวน ๖ จังหวัด  ได้แก่

  •     ๑.พิษณุโลก
  •     ๒.สุโขทัย
  •     ๓.พิจิตร
  •     ๔.กำแพงเพชร
  •     ๕.ตาก
  •     ๖.อุตรดิตถ์

บุคลากร

ลำดับ รายนาม วาระดำรงตำแหน่ง 
1.นายชูเกียรติ  ธรรมรักษ์   11 พฤศจิกายน 2545 – 30 กันยายน 2546 
2.นายนิยม  บุญกล่อม 1 ตุลาคม 2546 – 30 กันยายน 2547 
3.นายจรัญ  ยิ้มสินสมบูรณ์1 ธันวาคม 2547 – 31 ตุลาคม 2548
4.ร้อยโท อรรถชัย  อาสิงสมานันท์ 1 พฤศจิกายน 2548 – 15 ตุลาคม 2549
5.นายวิทยา  เหลืองโรจนกุล16 ตุลาคม 2549 – 31 ตุลาคม 2550
6.นายนิพนธ์  วิชยาทร1 พฤศจิกายน 2550 – 30 กันยายน 2552
7.นายพงศกร  จันทรศัพท์1 ตุลาคม 2552  – 30 กันยายน 2554
8.นายสุรชัย  อุดมวงศ์1 ตุลาคม 2554  – 30 กันยายน 2556
9.นายสมปอง  ธานีรัตน์1 ตุลาคม 2556  – 30 กันยายน 2558
10.นางชนิญญา  ชัยสุวรรณ1 ตุลาคม 2558  – 30 กันยายน 2560
 11. นายพรชัย  เหลืองอารีพร1 ตุลาคม 2560  – 30 กันยายน 2561
12.นายวาทิน  ศรีตระกูล1 ตุลาคม 2561  – 30 กันยายน 2562
  13.  นายพิชัย  ฉิมเอนก1 ตุลาคม 2562  – 30 กันยายน 2563
14.นายณรงค์  อังคสิงห์ 1 ตุลาคม 2563  – 30 กันยายน 2564 
15.นายอนันต์ ธรรมรัตน์1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565
16.นายปราโมทย์ อ่อนละออ1 ตุลาคม 2565 – 30 กันยายน 2566
17.นายสมชาย ชัยรัตน์1 ตุลาคม 2566 – ปัจจุบัน 

นายสมชาย ชัยรัตน์
อธิบดีอัยการ สคป.พล.

นายสมชาติ กมลเทพไพฑูรย์
รองอธิบดี สคป.พล.

นายอนันต์ ทองแตง
อัยการพิเศษฝ่าย

นางสาวเบญจมาศ กรีอินทร์ทอง
อัยการผู้เชี่ยวชาญ

นายวิพล เทียนเสริมทรัพย์
อัยการอาวุโส

ร้อยโท ราเชนทร์ ทัพภวิมล
อัยการอาวุโส

นายพิชัย ฉิมเอนก
อัยการอาวุโส

นางสาวสุชาดา  เทียนทอง
ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ

เจ้าพนักงานคดี

นายฉัตรชัย  หล่อตระกูล
เจ้าพนักงานคดีชำนาญการพิเศษ

นายกุศล  สุนันท์ชัย
เจ้าพนักงานคดีชำนาญการ

นางสาวไอรินลดา  ปิ่นแก้ว
เจ้าพนักงานคดีปฏิบัติการ

นิติกร

นางกชพรรณ นุกุลเศวต
นิติกรชำนาญการพิเศษ

นางเสาวลักษณ์ จันทร์วิเศษ
นิติกรชำนาญการ

นายนพพล สุรนัคครินทร์
นิติกรชำนาญการ

นางสาววีณา ลี้สุวรรณ
นิติกรปฏิบัติการ

ธุรการ

นายรพีกาณฑ์ จิตกำเนิด
นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ

นางสุภาวดี  ทองหล่อ
นักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการ

นางสกุลรัตน์ มหาเรือนขวัญ
เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน

นางสาวปาธิชา  พูลเพิ่ม
เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน

นางสาวพิรุณยุพา ธาดาวัฒนกุล
เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน

นายพิษณุ อ๊อดเอก
พนักงานขับรถยนต์

นางวิรัตน์ เมฆสุวรรณ
แม่บ้าน

สถิติงาน

สถิติคดีของสำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก ปี 2545-2563

ปี พ.ศ.ว่าต่างแก้ต่างรวมคดีทั้งหมดหารือ
25457613
254615122137
254788997
254811107 118
254918121 139
255020107 127
255113114 1273
255258287
255317484501
2554121781901
255516139155
255633257 2902
2557341772111
255852251303
255974149 223 1
2560221341561
2561331551881
256234203237
256333216249
256411241252
2565211982192
256610178188

* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2566

ติดต่อหน่วยงาน

สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก
อาคารสำนักงานอัยการภาค 6 ชั้น 2
ถนนพิษณุโลก-เต็งหนาม
ต.หัวรอ  อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก   65000     
โทรศัพท์, โทรสาร (งานคดี) 055 280646
โทรศัพท์, โทรสาร (งานอำนวยการ) 055 321073
E-mail  : Pislok-admin@ago.go.th