วันที่ 29 เมษายน 2567 เวลา 13.30 น.

นายกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาเพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ ณ วัดประชานิมิต ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 25 เมษายน 2567 เวลา 08.00 น.

นายธนัช เลิศภิญญาวัตร รองอัยการจังหวัด พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายอัยการ เข้าร่วมพิธีวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระเกียรติคุณในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 20 เมษายน 2567 เวลา 10.00 น.
นายกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมคณะเข้าร่วมกิจกรรม “ตลาดนัดแก้หนี้”ณ. ที่ว่าการอำเภอหนองไผ่ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 08.30 น.
นายธนัช เลิศภิญญาวัตร รองอัยการจังหวัด พร้อมคณะเข้าร่วมจัดโครงการอบรมประนอมข้อพิพาทระดับชุมชน จำนวน 140 คน
ณ อบต.พุขาม อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 26 มกราคม 2567 วลา 09.00 น.
นายธนัช เลิศภิญญาวัตร รองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี) พร้อมคณะ เป็นวิทยากรของเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอำเภอบึงสามพัน ณ หอประชุมอำเภอบึงสามพัน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลบึงสามพัน อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 18 มกราคม 2567 เวลา 07.00 น.
นายธนัช เลิศภิญญาวัตร รองอัยการจังหวัด พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายอัยการในสังกัดสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดเพชรบูรณ์
เข้าร่วมพิธีวางพานพุ่ม ในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ. ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 17 มกราคม 2567 วลา 09.00 น.
นายธนัช เลิศภิญญาวัตร รองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี) พร้อมคณะ เป็นวิทยากรของเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอำเภอหนองไผ่ ณ หอประชุมอำเภอหนองไผ่ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองไผ่ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 16 มกราคม 2567 วลา 11.00 น.
นางสาวกัลยา แก้วอ้น อัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิฯ ภาค 6 พร้อมคณะ ตรวจงานราชการ สคช.งวดที่ 1 และเข้าตรวจเยี่ยมศูนย์อัยการคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลืองทางกฎหมาย อบต. พุขาม และศูนย์อัยการคุ้มครองสิทธิเด็ก เยาวชน และสถาบันครอบครัวประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพุขาม ณ องค์การบริหารส่วนตำบลพุขาม อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 14 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น.
นายกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด นายธนัช เลิศภิญญาวัตร รองอัยการจังหวัด พร้อมคณะฯ เข้าตรวจเยี่ยมศูนย์อัยการคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลืองทางกฎหมายเทศบาลสว่างวัฒนา ณ เทศบาลตำบลสว่างวัฒนา อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 5 ธันวาคม 2566 เวลา 07.00 น.
นายธนัช เลิศภิญญาวัตร รองอัยการจังหวัด พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายอัยการในสังกัดสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดเพชรบูรณ์
เข้าร่วมทำบุญตักบาตร และพิธีวางพานพุ่ม เพื่อน้อมรำลึก เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ณ ศาลาการเปรียญวัดประชานิมิต ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.00 น.
นายธนัช เลิศภิญญาวัตร รองอัยการจังหวัด พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายอัยการในสังกัดสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี) เข้าร่วมบูรณาการกับเทศบาลเมืองวิเชียรบุรี เผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายต่างๆ แก่ประชาชน จำนวน 500 ราย ณ หอประชุมเทศบาลเมืองวิเชียรบุรี อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.00 น.
นายกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายอัยการในสังกัดสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี) เข้าไปเยี่ยมเยียนแรงงานไทยที่กลับจากการไปทำงานรัฐอิสราเอล จำนวน 6 ราย ณ ศาลาประชาคมหมู่บ้าน ตำบลเพชรละคร อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 23 ตุลาคม 2566 เวลา 08.30 น.
นายกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายอัยการในสังกัดสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี) เข้าร่วมพิธีวันปิยมหาราช ประจำปี พ.ศ.2566 บริเวณลานพิธีหน้าศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 14 ตุลาคม 2566 เวลา 08.00 น.
นายศุภกร ศุกร์สังวาลย์ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิฯ จังหวัดเพชรบูรณ์ เข้าร่วม
ประเพณีอุ้มพระสรงน้ำ ณ ศาลเจ้าวิเชียรบุรี อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 13 ตุลาคม 2566 เวลา 09.00 น.
นายธนัช เลิศภิญญาวัตร รองอัยการจังหวัด เข้าร่วมขบวนแห่ประเพณีอุ้มพระสรงน้ำ ณ วัดประชานิมิต ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 13 ตุลาคม 2566 เวลา 07.00 น.
นายธนัช เลิศภิญญาวัตร รองอัยการจังหวัด พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายอัยการในสังกัดสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี) เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันนวมินทรมหาราช ณ บริเวณศาลาการเปรียญวัดประชานิมิต ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ และพิธี
วางพวงมาลา ณ บริเวณลานพิธีหน้าศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 12 สิงหาคม 2566 เวลา 07.00 น.
นายธนัช เลิศภิญญาวัตร อัยการจังหวัดผู้ช่วย พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายอัยการในสังกัดสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี)
เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล และพิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม พร้อมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ณ หอประชุมอำเภอวิเชียรบุรี ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 8 สิงหาคม 2566 เวลา 09.00 น.
นางสาวกัลยา แก้วอ้น อัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายภาค 6 พร้อมคณะ ตรวจราชกา

ณ สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี) และเข้าตรวจเยี่ยมศูนย์อัยการคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดเพชรบูรณ์ ณ อบต.กันจุ ตำบลกันจุ อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 7 สิงหาคม 2566 เวลา 07.30 น.
นายกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด นายธนัช เลิศภิญญาวัตร อัยการจังหวัดผู้ช่วย พร้อมคณะเข้าร่วมงานวันรพี
ประจำปี 2566
ณ ศาลจังหวัดวิเชียรบุรี ตำบลสระประดู่ อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 4 สิงหาคม 2566 เวลา 08.30 น.
นายกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด นายธนัช เลิศภิญญาวัตร อัยการจังหวัดผู้ช่วย พร้อมคณะเข้าร่วมจัดโครงการอบรมประนอมข้อพิพาทระดับชุมชน จำนวน 140 คน

ณ โรงเรียนบ้านโคกรังน้อย ตำบลหนองย่างทอย อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 เวลา 07.00 น.
นายธนัช เลิศภิญญาวัตร อัยการจังหวัดผู้ช่วย พร้อมคณะ เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล และพิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม พร้อมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
ณ หอประชุมอำเภอวิเชียรบุรี ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์.

วันที่ 7 มิถุนายน 2566 เวลา 08.30 น.
นายกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด นายธนัช เลิศภิญญาวัตร อัยการจังหวัดผู้ช่วย พร้อมคณะเข้าร่วมจัดโครงการอบรมความรู้ทั่วไปทางกฎหมาย จำนวน 200 คน

ณ องค์การบริหารส่วนตำบลกันจุ ตำบลกันจุ อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 3 มิถุนายน 2566 เวลา 07.00 น.
นายธนัช เลิศภิญญาวัตร อัยการจังหวัดผู้ช่วย พร้อมคณะ เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล และพิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม พร้อมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล
ณ หอประชุมอำเภอวิเชียรบุรี ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 24 พฤษภาคม 2566 เวลา 08.30 น.
นายกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด นายธนัช เลิศภิญญาวัตร อัยการจังหวัดผู้ช่วย พร้อมคณะ เข้าร่วมโครงการออกหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขฯ
ณ โรงเรียนวัดสันติธรรม ตำบลประดู่งาม อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 28 เมษายน 2566 เวลา 08.30 น.
นายธนัช เลิศภิญญาวัตร อัยการจังหวัดผู้ช่วย เข้าร่วมพิธีเจริญพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนารถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประจำปี 2566
ณ วัดหนองไผ่พิทยาราม ตำบลหนองไผ่ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 26 เมษายน 2566 เวลา 08.30 น.
นายกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมคณะ โครงการออกหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขฯ
ณ โรงเรียนบ้านบุมะกรูด ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 08.30 น.
นายกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด นายสุรสิทธิ์ เหลืองวิริยะ รองอัยการจังหวัด พร้อมคณะ เข้าร่วมจัดโครงการอบรมความรู้ทั่วไปทางกฎหมาย จำนวน 150 คน

ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอวิเชียรบุรี) ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

25 มกราคม 2566 พิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอวิเชียรบุรี ประจำปี 2566 นายกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด และข้าราชการฝ่ายอัยการในสังกัดเข้าร่วมพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

18 มกราคม 2566 วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นายสุรสิทธิ์ เหลืองวิริยะ รองอัยการจังหวัด พร้อมคณะฯ เข้าร่วมพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สด วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

17 มกราคม 2566 เปิดศูนย์อัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย

นายกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด นายสุรสิทธิ์ เหลืองวิริยะ รองอัยการจังหวัด พร้อมคณะฯ ได้ดำเนินการเปิดศูนย์อัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลืองทางกฎหมายแก่ประชาชนตำบลยางสาว, ตำบลกันจุ, ตำบลพุขาม, ตำบลซับสมบูรณ์, ตำบลหนองไผ่ และตำบลวังโบสถ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีการทำ MOU ร่วมกัน

11 มกราคม 2566 ตรวจเยี่ยมศูนย์อัยการคุ้มครองสิทธิฯ

นายสุรสิทธิ์ เหลืองวิริยะ รองอัยการจังหวัด พร้อมคณะฯ เข้าตรวจเยี่ยมศูนย์อัยการคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลืองทางกฎหมายเทศบาลสว่างวัฒนา ณ เทศบาลตำบลสว่างวัฒนา อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์

13 ธันวาคม 2565 การตรวจราชการของอธิบดีอัยการภาค 6 และคณะ

นายกมลาสน์ สุทธิธารณ์นฤภัย อธิบดีอัยการภาค 6 พร้อมคณะ เดินทางตรวจราชการสำนักงานอัยการจังหวัดวิเชียรบุรี และสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี) โดยมีนางสาวภัควลัญศ์ บัณฑะกิจจ์ อัยการจังหวัดวิเชียรบุรี พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายอัยการและบุคคลากรในสังกัดร่วมให้การต้อนรับ

วันที่ 23 ตุลาคม 2565 เวลา 08.00 น.
พิธีวางพวงมาลา วันปิยมหาราช ประจำปี 2565

ณ ลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 13 ตุลาคม 2565 เวลา 18.00 น.
พิธีวางพวงมาลา เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ

ณ บริเวณลานพิธีหน้าศาลสมทเด็จพระนเรศวรมหาราช ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 13 ตุลาคม 2565 เวลา 07.00 น.
พิธีทำบุญตักบาตรถวานพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ

ณ บริเวณศาลาการเปรียญวัดประชานิมิต ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 8 กันยายน 2565 เวลา 08.30 น.
จัดโครงการอบรมประนอมข้อพิพาทระดับชุมชน

ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอวิเชียรบุรี) ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 12 สิงหาคม 2565 นายสุรสิทธิ์ เหลืองวิริยะ รองอัยการจังหวัด และข้าราชการฝ่ายอัยการในสังกัด เข้าร่วมพิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา

วันที่ 12 สิงหาคม 2565 นายสุรสิทธิ์ เหลืองวิริยะ รองอัยการจังหวัด และข้าราชการฝ่ายอัยการในสังกัด เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา

วันที่ 5 สิงหาคม 2565 ท่านสุรสิทธิ์ เหลืองวิริยะ ได้รับเชิญเป็นวิทยากร โครงการกฎหมายที่น่ารู้ ณ โรงเรียนหนองไผ่ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 4 สิงหาคม 2565 ท่านกิตติธัช ตันติภาสวศิน ได้รับเชิญเป็นวิทยากร โครงการอบรมเผยแพร่ความรู้ด้านกฎหมายแก่ประชาชน ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอวิเชียรบุรี)

ร่วมพิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม
ท่านกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการคุ้มครองสิทธิ์ฯจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี) พร้อมคณะ ร่วมพิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม และจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2565
ณ หอประชุมอำเภอวิเชียรบุรี ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล
ท่านกิตติธัช ตันติภาสวศิน อัยการคุ้มครองสิทธิ์ฯจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี) พร้อมคณะ ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล แด่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 70 พรรษา ณ หอประชุมอำเภอวิเชียรบุรี ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 เวลา 08.30 น.
จัดโครงการอบรมความรู้ทั่วไปทางกฎหมาย และการคุ้มครองสิทธิประชาชนเกี่ยวกับเอดส์

ณ องค์การบริหารส่วนตำบลซับสมบูรณ์ อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 เวลา 13.30 น.
อธิบดีอัยการภาค 6 รองอธิบดีอัยการภาค 6 พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจราชการ และร่วมเปิดศูนย์ประสานงานอัยการคุ้มครองสิทธิเด็ก เยาวชน และสถาบันครอบครัวจังหวัดเพชรบูรณ์ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลนาสนุ่น อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 18-กค-65-สคช.ภาคตรวจราชการและเปิดศูนย์อบต.นาสนุ่น_๒๒๐๗๒๑_15.jpg
รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 18-กค-65-สคช.ภาคตรวจราชการและเปิดศูนย์อบต.นาสนุ่น_๒๒๐๗๒๑_8.jpg
รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 18-กค-65-สคช.ภาคตรวจราชการและเปิดศูนย์อบต.นาสนุ่น_๒๒๐๗๒๑_24.jpg
รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 18-กค-65-สคช.ภาคตรวจราชการและเปิดศูนย์อบต.นาสนุ่น_๒๒๐๗๒๑_20.jpg
วันที่ 12 กรกฎาคม 2565 เวลา 08.00 น.
เข้าร่วมโครงการออกหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน (จังหวัดเคลื่อนที่) ณ โรงเรียนบ้านสามัคคีพัฒนา
ตำบลภูน้ำหยด อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์
รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 12กค65จังหวัดเคลื่อนที่-ร.ร-สามัคคีพัฒนา-ภูน้ำหยด_๒๒๐๗๒๑_1.jpg
รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 12กค65จังหวัดเคลื่อนที่-ร.ร-สามัคคีพัฒนา-ภูน้ำหยด_๒๒๐๗๒๑_52.jpg
รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 12กค65จังหวัดเคลื่อนที่-ร.ร-สามัคคีพัฒนา-ภูน้ำหยด_๒๒๐๗๒๑_30.jpg
รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 12กค65จังหวัดเคลื่อนที่-ร.ร-สามัคคีพัฒนา-ภูน้ำหยด_๒๒๐๗๒๑_45.jpg

วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เวลา 13.30 น

พิธีเปิดศูนย์ประสานงานอัยการคุ้มครองสิทธิเด็ก เยาวชน และสถาบันครอบครัวจังหวัดเพชรบูรณ์

ณ องค์การบริหารส่วนตำบลยางสาว อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 22 มิถุนายน 2565 เวลา 08.30 น.
จัดโครงการอบรมความรู้ทั่วไปทางกฎหมาย

ณ องค์การบริหารส่วนตำบลพุขาม อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์


เกี่ยวกับสำนักงาน

ภาระกิจและหน้าที่

ภาระหน้าที่และการขอรับความช่วยเหลือ สคช.
          
สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) เป็นส่วนราชการในสังกัดสำนักงานอัยการสูงสุด  มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน  คุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ของประชาชน  ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายการเผยแพร่ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนและความรูทางกฎหมายแก่ประชาชน  มีอธิบดีอัยการฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมายเป็นผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน
           ในกรุงเทพมหานคร (ส่วนกลาง)  มีหน่วยงานที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบที่เป็นสำนักงานอัยการพิเศษฝ่าย  5  ผ่าน  ได้แก่
           1.  สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย
           2.  สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิ
           3.  สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย 1 (รัชดาภิเษก)
           4.  สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย 2 (หลักเมือง)
           5.  สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย 3 (ธนบุรี)
           นอกจากนั้นยังมีสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนประจำศาลจังหวัดมีนบุรีอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย 1 (รัชดาภิเษก) อีกดวย
           สำหรับในต่างจังหวัด (ส่วนภูมิภาค)  มีสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนจังหวัดทุกจังหวัดทั่วราชอาณาจักร   เรียกชื่อย่อๆ ว่า “สคช. จังหวัด”  โดย  สคช. จังหวัด  เป็นส่วนราชการหนึ่งของสำนักงานอัยการจังหวัด

           หลักเกณฑ์และวิธีการที่ประชาชนจะช่วยเหลือการขอรับความชวยเหลือ   
        1. บุคคลที่มีสิทธิขอรับความช่วยเหลือ ได้แก่ 
           บุคคลที่ถูกโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของตนตามกฎหมายแพ่งหรือผู้ที่จะต้องใช้สิทธิทางศาลเพื่อขอรับความรับรองคุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิที่ตนเองมีอยู่หรือจะกระทำการหรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ต่อเมื่อผู้นั้นได้ขออนุญาต หรือให้ศาลแสดงหรือรับรองสิทธิของตนเสียก่อน  เช่น  ขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก ขอให้ศาลตั้งผู้ปกครอง ขอให้ศาล สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ เป็นต้น 
           2.คดีที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายจะให้ความช่วยเหลือได้ได้แก่ คดีที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการ เช่น 
              2.1  ร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก 
              2.2  ร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตให้มีการรับบุตรบุญธรรมการเลิกรับ บุตรบุญธรรม 
              2.3  ร้องขอให้ศาลตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ และร้องขอให้ศาลถอนผู้ปกครอง 
              2.4  ร้องขอให้ศาลถอนอำนาจปกครอง 
              2.5  ร้องขอให้ศาลสั่งให้คนวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถและร้องขอต่อศาล เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งให้เป็นคน
                     ไร้ความ สามารถดังกล่าว 
              2.6  ร้องขอให้ศาลสั่งให้บุคคลซึ่งมีจิตฟั่นเฟือนหรือกายพิการและไม่สามารถ ประกอบการงานของตนเองได้เป็นคน
                     เสมือนไร้ความสามารถและร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ 
              2.7  ร้องขอให้ศาลสั่งให้ทำไปพลางตามที่จำเป็นเพื่อจัดการทรัพย์สินของบุคคลที่ ไปจากภูมิลำเนาถิ่นที่อยู่ 
              2.8  ร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะ 
              2.9  ร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ที่ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นคนสาบสูญ 
              2.10เป็นโจทก์ฟ้องคดีที่กฎหมายห้ามมิให้ราษฎรฟ้อง เช่น ตามประมวลกฎหมาย แพ่งและาณิชย์ มาตรา  ๑๕๖๒  ห้ามมิให้ ฟ้องผู้บุพการีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญา แต่เมื่อเมื่อผู้นั้นหรือญาติสนิทร้องขออัยการจะยกขึ้นว่ากล่าวก็ได้
           3.สถานที่ที่จะขอรับความช่วยเหลือ
           ผู้ร้องขอความช่วยเหลือจะขอรับความช่วยเหลือได้จากที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนในเขตท้องที่ที่มีภูมิลำเนาอยู่
           4.ขั้นตอนการขอรับความช่วยเหลือจากสำนักงานคุ้มครองและช่วยเหลือทางกฎหมาย
           ผู้ร้องขอความช่วยเหลือต้องไปแจ้งความประสงค์ต่อพนักงานอัยการ หรือนิติกรประจำสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน  ว่าจะขอรับความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องอะไร  เพื่อเขียนคำร้อง  และรวบรวมหลักฐานเอกสารต่างๆ  ตลอดจนสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับเรื่องที่ผู้ร้องขอความช่วยเหลือนั้น  เพื่อตรวจสอบดูว่าเรื่องที่ผู้ร้องมาขอความช่วยเหลือนั้นเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายฯ  หรือไม่  หากเห็นว่าเป็นเรื่องที่จะให้ความช่วยเหลือได้  ก็จะดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป

           5.ข้อปฏิบัติในการติดต่อขอรับความช่วยเหลือ        
–  ผู้รองขอความช่วยเหลือต้องติดต่อยื่นคำร้องขอด้วยตนเองห้ามมิให้ร้องแทนกัน  เว้นแต่กรณีจำเป็นหรือเป็นการเร่งด่วน
              –  แจ้งความประสงค์หรือเรื่องที่ขอรับความช่วยเหลือต่อผู้รับคำร้อง
              –  ผู้ร้องจะต้องแจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงตามความเป็นจริงให้นิติกร  หรือเจ้าหน้าที่บันทึกไว้
              –  สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน  จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามระเบียบ  และตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้เป็นอำนาจหน้าที่เท่านั้น

           6.เอกสารที่จำเป็นในการติดต่อ
              –  บัตรประจำตัวประชาชน  หรือบัตรข้าราชการ
              –  สำเนาทะเบียนบ้าน
              –  เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเรื่องที่ขอความช่วยเหลือ  เช่น  ขอเป็นผู้จัดการมรดก  ต้องมีใบมรณบัตรของเจ้ามรดก  หลักฐานต่างๆ  ที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของเจ้ามรดก  เช่น  โฉนดที่ดิน  หนังสือรับรองการทำประโยชน์ทะเบียนรถยนต์  สมุดเงินฝากในธนาคาร  ทะเบียนสมรสของเจ้ามรดก (ถ้ามี)  เป็นต้น

           7.ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
           ค่าฤชาธรรมเนียมตามกฎหมายและค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ  ในการดำเนินคดี  เช่น  ค่าถ่ายเอกสาร  ค่าคัดสำเนาทะเบียนราษฎร์  เป็นต้น  ผู้ร้องขอความช่วยเหลือต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายเหล่านั้นเอง  แต่จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าทนายความ

อำนาจหน้าที่ของ  สคช.

           ข้อ 17  เรื่องใด  หรือคดีใด  เมื่อหัวหน้าพนักงานอัยการ สคช. กลาง  พิจารณาแล้วเห็นว่าหากให้ สคช.จังหวัด  หรือ  สคช. สาขา  ดำนเนินการสอบข้อเท็จจริง  หรือดำเนินคดีหรือดำเนินการประการอื่นจะสะดวก  และรวดเร็วกว่าก็ให้ส่งเรื่อง  หรือคดีนั้นๆ  ให้สคช.จังหวัด  หรือ  สคช.สาขาดำเนินการได้  ในทางกลับกัน สคช.จังหวัด หรือสคช.สาขา  อาจส่งเรื่องหรือคดีใดไปให้ สคช.กลาง  สคช.จังหวัด  หรือ สคช.สาขา  อื่นดำเนินการก็ได้  หากเห็นว่าการดำเนินการจะสะดวกและรวดเร็วกว่า

           ข้อ 18  ให้ สคช.กลาง  สคช.จังหวัด  และสคช.สาขา  แต่ละแห่งมีอำนาจกำหนดวิธีการปฏิบัติเพื่อให้การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนเกิดการประสานงานที่ดี  มีความคล่องตัวสะดวกรวดเร็วเกื้อกูล  และสนับสนุนการปฏิบัติงานของทนายความอาสา  ตลอดจนเพื่อประโยชน์ในการดูแลติดตามประเมินผลโดยไม่ขัดต่อระเบียบนี้

เรื่องที่มิให้รับดำเนินการ

           ข้อ 19  คำขอความช่วยเหลือดังต่อไปนี้  ห้ามมิให้รับไว้ดำเนินการ
                     (1)  เรื่องที่รัฐมนตรี  คณะรัฐมนตรี  หรือนายกรัฐมนตรี  ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลมีมติ  หรือคำสั่งเด็ดขาดในเรื่องนั้นแล้ว
                     (2)  เรื่องที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานใดโดยเฉพาะเป็นผู้ช่วยเหลือ  และเรื่องอยู่ในระหว่างดำเนินการของหน่วยงานนั้นๆ
                     (3)  เรื่องอัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย  หรือหัวหน้าพนักงานอัยการเคยได้พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่อาจให้ความช่วยเหลือได้  และได้สั่่งยุติการช่วยเหลือแล้ว  เว้นแต่  ในกรณีที่มีพยานหลักฐานใหม่อันจะทำให้ผลของการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเปลี่ยนไป
                    (4)  เรื่องที่คุ่กรณีเคยประนีประนอมยอมความกันโดยชอบด้วยกำหมาย  เว้นแต่ผู้มีส่วนได้เสียขอให้แก้ไข  หรือคัดค้านการประนีประนอมยอมความเดิม  โดยมีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่ปรากฏชัดในภายหลัง  และการให้ความช่วยเหลือจะไม่เป็นการกระทบกระเทือนสิทธิ  หรือประโยชน์ของบุคคลภายนอก  ผู้ทำการ  โดยสุจริต  และเสียค่าตอบแทน
                     (5)  เรื่องคดีเกี่ยวกับคดี  ซึ่่งผู้ขอความช่วยเหลือได้เคยว่าจ้างทนายความ  หรือมีทนายความ  หรือมีหน่วยงานอื่นให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายอยู่แล้ว
                     (6)  เรื่องที่เป็นคดี  หรือข้อพิพาทอันเกี่ยวกับการดำเนินการ  หรือการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐ  หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายหรือระเบียบแบบแผนกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน  หรือเจ้าหน้าที่นั้นๆ  เว้นแต่กรณีที่อัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย  หรือหัวหน้าพนักงานอัยการพิจารณาให้รับไว้ดำเนินการเป็นเรื่องๆ  ไป

การให้คำปรึกษาหารือ

           ข้อ 20  การให้คำปรึกษาหารือทางกฎหมาย  เป็นการให้บริการแก่ประชาชนโดยเสมอภาคกันโดยไม่คำนึงฐานะ  รายได้  และจะต้องให้คำปรึกษาไปในทางที่ถูกที่ควรตามทำนองคลองธรรม  ไม่เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น  และไม่ฝ่าฝืน  หรือหลีกเลี่ยงกฎหมาย
           ก่อนให้คำปรึกษา  ผู้ให้คำปรึกษาต้องฟังข้อเท็จจริงให้ถ่องแท้เสียก่อนและให้ปรึกษาหารือกับหัวหน้าพนักงานาอัยการ  พนักงานอัยการ  หรือทนายความอาสาอาวุโส  ที่หัวหน้าพนักงานอัยการมอบหมาย  ทั้งนี้  เพื่อให้คำปรึกษานั้นไปด้วยความถูกต้องและยุติธรรม
           เมื่อผู้ให้คำปรึกษาไห้คำปรึกษาที่ถูกต้องตามวรรคสองแล้ว  ก็ให้คำปรึกษาแก่ผู้ขอความช่วยเหลือตามคำปรึกษานั้น  และให้บันทึกคำปรึกษานั้นไว้เป็นหลักฐานตามแบบที่กรมอัยการกำหนดดังกล่าวด้วย  และให้ผู้ขอความช่วยเหลือลงลายมือชื่อรับทราบ  แล้วให้เสนอต่อหัวหน้าพนักงานอัยการเพื่อทราบด้วย
           ข้อ  21  ในกรณีที่ผู้ให้คำปรึกษา  ทนายความอาวุโส  พนักงานอัยการ  หรือหัวหน้าพนักงานอัยการ  เห็นว่าเรื่องที่จะให้คำปรึกษานั้นเป็นเรื่องสำคัญ  หรือยุ่งยาก  จำเป็นต้องใช้เวลาพิจารณาข้อกฎหมายต่างๆ  ที่เกี่ยวข้องไม่สามารถให้คำปรึกษาได้ทันที  ก็ให้ผู้ให้คำปรึกษาบันทึก  สรุปข้อเท็จจริง  และข้อกฎหมายพร้อมทำความเห็นเสนอหัวหน้าพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาสั่ง
           เมื่อหัวหน้าพนักงานอัยการมีความเห็นประการใดแล้ว  ให้ผู้ให้คำปรึกษาทำหนังสือนัดให้ผู้ขอความช่วยเหลือมารับทราบ  โดยให้ลงลายมือชื่อรับทราบไว้เป็นหลักฐานแล้วเสนอให้หัวหน้าพนักงานอัยการทราบด้วย

การจัดทำนิติกรรมและสัญญา

           ข้อ  22  การให้ความช่วยเหลือในการจัดทำนิติกรรม  หรือสัญญา  จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือเฉพาะประชาชนที่ยากจนเท่านั้น  โดยให้จัดทำไปตามประสงค์ของผู้ขอ  แต่ทั้งนี้ต้องไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย  และไม่เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
           ให้ผู้ร่างนิติกรรมสัญญาเสนอร่างดังกล่าวต่อหัวหน้าพนักงานอัยการ  เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะมอบให้ผู้ขอรับความช่วยเหลือนำไปใช้  และให้เก็บสำเนานิติกรรมสัญญาไว้อย่างน้อย  1  ชุด

การประนอมข้อพิพาท

           ข้อ  23  “ข้อพิพาท”  หมายถึง  ข้อพิพาทเกี่ยวกับความแพ่ง  หรือความอาญาซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้
           ข้อ  24  การให้ความช่วยเหลือในการประนอมข้อพิพาท  ให้กระทำโดยไม่คำนึงถึงฐานะ  รายได้  ของผู้ขอความช่วยเหลือเพื่อยุติข้อพิพาทอันจะมีผลให้เกิดความสงบเรียบร้อยในสังคม
           การประนอมข้อพิพาทให้กระทำโดยเปิดเผยต่อหน้าคู่กรณี
           ข้อ  25  ในการประนอมข้อพิพาทให้ผู้ทำหน้าที่ประนอมข้อพิพาทคู่กรณีมาเพื่อสอบถามความประสงค์ว่าจะยินยอมให้พนักงานอัยการ  หรือทนายความอาสา  ทำการประนอมข้อพิพาทหรือไม่
           ในกรณีที่คู่กรณีไม่ยินยอมให้ทำการประนอมข้อพิพาท  ให้จดแจ้งเหตุผลนั้นไว้แล้วให้คู่กรณีลงลายมือชื่อรับทราบด้วย
           ข้อ  26  เมื่อคู่กรณียินยอมให้พนักงานอัยการ  หรือทนายความอาสาทำการประนอมข้อพิพาทก็ให้ผู้ทำการประนอมข้อพิพาทแจ้งสิทธิหน้าที่  และพันธะทางกฎหมาย  อันเป็นผลจากการประนอมข้อพิพาทให้คู่กรณีทราบโดยละเอียดแจ้งชัด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลของคดีอาญาในความผิดอันยอมความได้
           ข้อ  27  ในการประนอมข้อพิพาท  ให้ผู้ทำหน้าที่ประนอมข้อพิพาทเชิญคู่กรณีบุคคลที่เกี่่ยวข้องมาสอบข้อเท็จจริง  รวมทั้งตรวจสอบเอกสาร  วัตถุ  หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องโดยความยินยอมของเจ้าของหรือผู้ครอบครอง
           ข้อ  28  เมื่อคู่กรณีตกลงกันได้  ก็ให้ผู้ทำหน้าที่ประนอมข้อพิพาทจัดทำร่างสัญญาประนีประนอมยอมความ  ความแพ่งหรือความอาญา  โดยให้คู่กรณีหรืออ่านให้ฟังจนเข้าใจข้อความที่ตกลงกันได้โดยตลอดแล้ว  ให้เสนอหัวหน้าพนักงานอัยการ  เพื่อพิจารณาตรวจร่างและเมื่อได้จัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่หัวหน้าพนักงานอัยการได้ตรวจร่างเสร็จแล้วก็ให้อ่านให้คู่กรณีทราบ  และให้คู่กรณีลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคน  และให้ผู้ทำหน้าที่ประนอมข้อพิพาทลงลายมือชื่อในฐานะผู้ทำการประนอมข้อพิพาทไว้ด้วย
           สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว  ให้จัดำทำขึ้นให้เพียงพอต่อจำนวนคู่กรณีโดยมีข้อความถูกต้องตรงกันทุกฉบับ  แล้วมอบให้คู่กรณียึดถือไว้ฝ่ายละ 1 ฉบับ  และอีกฉบับหนึ่งให้เก็บไว้ที่ สคช. ที่ทำการประนอมข้อพิพาท  แล้วรายงานให้หัวหน้าพนักงานอัยการทราบด้วย
           ข้อ  29  ในกรณีที่ระเบียบนี้มิได้กำหนดไว้  ให้นำข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการปฏิบัติงานประนอมข้อพิพาทของคณะกรรมการหมู่บ้าน พ.ศ. 2530 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

การให้ความช่วยเหลือในทางอรรถคดี

           ข้อ  30  การให้ความช่วยเหลือในทางอรรถคดี  ให้พิจารณาให้ความช่วยเหลือในกรณีต่อไปนี้
                      (1)  ในทางคดีอาญาให้พิจารณารับว่าต่าง  แก้ต่างได้เฉพาะคดีที่เป็นความผิดอันยอมความได้และผู้เสียหายหรือผู้ขอความช่วยเหลือยังมิได้ร้องทุกข์  หรือมอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายและถ้าผู้ขอความช่วยเหลือเป็นผู้ต้องหา  หรือจำเลยในคดีที่จะมาขอความช่วยเหลือจะต้องปรากฏว่า  ผู้ขอไม่เป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีที่พนักงานอัยการเป็นผู้สั่งคดี  หรือเป็นโจทก์  และต้องปรากฏว่าผู้ขอความช่วยเหลือเป็นผู้ยากจนประกอบกับมีหลักฐานเพียงพอว่าผู้ขอไม่ได้รับความเป็นธรรม  สมควรได้รับความช่วยเหลือ
                     (2)  ในทางคดีแพ่ง  และอื่นๆ  ให้พิจารณารับว่าต่าง  แก้ต่าง  ให้เฉพาะผู้ยากจนซึ่งได้รับความเดือดร้อน  หรือเสียหาย  เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม  หรือเป็นคดีมีเหตุอันสมควรให้ความช่วยเหลือ
           ข้อ  31  การให้ความช่วยเหลือทางอรรถคดี  ถ้าเป็นเรื่องหรือคดีที่รับจากสำนักงานกลางช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  ให้หัวหน้าพนักงานอัยการจ่ายสำนวนให้แก่  ทนายความอาสาอาวุโสดำเนินการ  โดยจะให้ทนายความอาสาร่วมดำเนินการด้วยก็ได้  กรณีอื่นๆ  ให้พิจารณาจ่ายสำนวนแก่ทนายความอาสาอาวุโส  หรือทนายความอาสาตามความเหมาะสม  และตามความยากง่ายของรูปคดี
           ข้อ  32  เมื่อได้รับสำนวนตาม ข้อ 31 ให้ทนายความอาสารีบดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว  เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อคดี
           ในกรณีที่ไม่อาจดำเนินการได้เสร็จภายในวันสิ้นเดือนของเดือนที่ได้รับสำนวนหรือคดีที่อยู่ในระหว่างดำเนินการไม่ว่าขั้นตอนใด  ให้ทนายความอาสารายงานผลสำนวนระหว่างดำเนินการ  ภายในวันที่ 4 ของเดือนถัดไป  จนกว่าคดีจะเสร็จตามแบบที่ สคช. กลางกำหนด  ทั้งนี้ให้หัวหน้าพนักงานอัยการมอบหมายให้พนักงานอัยการ  นิติกร  หรือเจ้าหน้าที่คอยประสานงาน  และติดตามผลทุกระยะ
           ข้อ  33  ให้ทนายความอาสาพึงระมัดระวังมิให้คดีของผู้ขอความช่วยเหลือเกิดความเสื่อมเสียซึ่งสิทธิหรือประโยชน์  หรือเกิดความเสียหาย
           ข่อ  34  ทนายความอาสาผู้ดำเนินคดีจะต้องเสนอหนังสือแจ้งผลคดีต่อหัวหน้าพนักงานอัยการ  เพื่อลงนามแจ้งตัวความทราบโดยเร็ว  อย่างช้าไม่เกิน 10 วัน  นับตั้งแต่วันที่ศาลอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่ง  หากคดีใดคัดคำพิพากษาหรือคำสั่งยังไม่ได้  ให้แจ้งผลคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่าที่มีอยู่ไปให้ตัวความพิจารณาก่อน  โดยให้รายละเอียดเท่าที่จะทำได้
           ข้อ  35  กรณีที่ศาลชั้นต้น  หรือศาลอุทธรณ์พิพากษา  หรือสั่งให้คดีที่ทนายความอาสาว่าต่างชนะคดีเต็มตามฟ้อง  หรือเต็มตามคำร้องขอ  หรือกรณีคดีที่ทนายความอาศาแก้ต่างศาลชั้นต้น  หรือศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง  หรือยกคำร้องและรูปคดีไม่มีประเด็นที่จะอุทธรณ์  หรือฎีกาต่อไป  ให้หัวหน้าพนักงานอัยการออกคำสั่งไม่อุทธรณ์  หรือไม่ฎีกา  แล้วแจ้งผลคดีให้ตัวความทราบ
           คดีที่จะต้องให้ตัวความพิจารณาตกลงใจจะอุทธรณ์ หรือฎีกา  หรือไม่  ให้แจ้งผลคดีและฐานะคดีชั้นอุทธรณ์  หรือฎีกาไปยังตัวความ  เมื่อตัวความแจ้งความประสงค์มาแล้ว  ให้ทนายความอาสาผู้ดำเนินคดีเสนอความเห็นเพื่อให้หัวหน้้าพนักงานอัยการพิจารณาออกคำสั่งให้อุทธรณ์  หรือไม่อุทธรณ์  ฎีกา  หรือไม่ฎีกา  ตามความประสงค์ของตัวความต่อไป
           ข้อ  36  ให้หัวหน้าพนักงานอัยการ  หรือทนายความอาสา  แจ้งผลการดำเนินคดีให้ผู้ขอความช่วยเหลือทราบไปเป็นคราวๆ  ตามสมควร  โดยแจ้งเป็นหนังสือ  หรือให้ผู้ขอลงนามทราบไว้ในรายงานผลคดีก็ได้  และเมื่อคดีถึงที่สุดให้หัวหน้าพนักงานอัยการแจ้งผลคดีให้ผู้ขอความช่วยเหลือทราบโดยเร็ว
           ข้อ  37  ในการดำเนินคดี  หรือดำเนินการใดๆ  ทางศาล  ให้ผู้ขอความช่วยเหลือเป็นผู้รับผิดชอบค่าฤชาธรรมเนียมศาลทั้งสิ้น
           กรณีน่าเชื่อว่าผู้ขอไม่มีทรัพย์สินที่จะชำระค่าธรรมเนียมศาล  ให้ทนายความอาสายื่นคำร้องขอฟ้อง  หรือขอต่อสู้คดีอย่างคนอนาถา  หากศาลมีคำสั่งไม่อนุญาต  หรือมีคำสั่งยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมศาลให้บางส่วนและผู้ขอความช่วยเหลือร้องขอ  เมื่อหัวหน้าพนักงานอัยการเห็นว่าผู้ขอเป็นผู้ยากจนไม่มีทรัพย์สนพอที่จะชำระค่าธรรมเนียมได้  ก็ให้หัวหน้าพนักงานอัยการทำบันทึกต่ออัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย  เพื่อขอเบิกเงินช่วยเหลือจากทางราชการและหรือมูลนิธิให้ช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ทุกข์ยาก  กรมอัยการ  ทั้งหมดหรือบางส่วนได้
           ข้อ  38  ในกรณีที่ผู้ขอความช่วยเหลือมีเงินพอชำระค่าฤชาธรรมเนียม  ให้ผู้ขอความช่วยเหลือนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมไปชำระที่ศาลด้วยตนเอง  เว้นแต่ในกรณีไม่สะดวกจะให้นิติกร  หรือเจ้าหน้าที่  ที่หัวหน้าพนักงานอัยการมอบหมาย  หรือทนายความอาสารับเงินค่าธรรมเนียมศาลดังกล่าวไปโดยออกใบรับไว้เป็นหลักฐาน  เพื่อดำเนินการต่อไป

อำนาจหน้าที่

อำนาจหน้าที่ของสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี)

การคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน    ได้แก่ การคุ้มครองสิทธิและรักษาผลประโยชน์ของประชาชนที่กฎหมายกำหนดไว้ให้เป็นอำนาจของพนักงานอัยการ เช่น ในคดีแพ่งให้พนักงานอัยการเข้าไปคุ้มครองสิทธิของบุคคลไร้ความสามารถคนสาบสูญการร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกนอกจากนั้นยังดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางอรรถคดีแก่ประชาชนผู้ยากไร้โดยจัดทนายอาสาให้ ตลอดทั้งการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชนทั่วไ

แนวทางการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย    บุคคลที่มีสิทธิขอรับความช่วยเหลือ ได้แก่ บุคคลที่ถูกโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของตนตามกฎหมายแพ่ง หรือผู้ที่จะต้องใช้สิทธิทางศาล เพื่อขอความรับรอง คุ้มครองบังคับตามสิทธิของ ตนที่มีอยู่ หรือจะกระทำการ หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ต่อเมื่อผู้นั้นได้ขออนุญาต หรือให้ศาลแสดงหรือรับรองสิทธิของตนเสียก่อน เช่น ขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก ขอให้ศาลตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ เป็นต้น  

คดีที่พนักงานอัยการให้ความช่วยเหลือได้
๑. ร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก
๒.ร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตให้มีการรับ บุตรบุญธรรม  การเลิกรับบุตรบุญธรรม
๓.ร้องขอให้ศาลตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ และร้องขอให้ศาลถอนผู้ปกครอง
๕.ร้องขอให้ศาลสั่งให้คนวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถและการร้องขอให้ศาลเพิกถอน   คำสั่งที่สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ
๖. ร้องขอให้ศาลสั่งให้บุคคลซึ่งมีจิตฟั่นเฟือน หรือกายพิการและไม่สามารถประกอบการ   งานของตนเองเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและการร้องขอให้ศาล เพิกถอนคำสั่งที่   สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ
๗.ร้องขอให้ศาลสั่งให้ทำพลางตามที่จำเป็น เพื่อจัดการทรัพย์สินของบุคคลที่ไปจาก   ภูมิลำเนาถิ่นที่อยู่
๘.ร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ที่ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ เป็นคนสาปสูญ
๙. ร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะ
๑๐.เป็นโจทก์ฟ้องคดีที่กฎหมายห้ามมิให้ราษฎรฟ้อง เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและ   พาณิชย์ มาตรา ๑๕๖๒ ห้ามมิให้ฟ้องผู้บุพการีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญา   แต่เมื่อผู้นั้นหรือญาติสนิทร้องขอพนักงานอัยการ

วิสัยทัศน์/พันธกิจ

วิสัยทัศน์ของ (Vision)

สคช. จะเป็นสถาบันมาตรฐานระดับสากลในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม

พันธกิจ (Mission)

สคช. มีภารกิจหลักในด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ของประชาชนโดยมีพันธกิจในการพัฒนางานด้านสิทธิมนุษยชน และส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนชาวไทยทั้งในประเทศและนอกประเทศ

เป้าประสงค์

เพื่อให้บรรลุพันธกิจดังกล่าว สำนักงานอัยการสูงสุดได้กำหนดเป้าประสงค์ไว้ว่า สคช.จะสามารถคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพของประชาชนชาวไทยอย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ

ยุทธศาสตร์ (Strategy)

นำนโยบายและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลมาพิจารณาประกอบกับแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี สำนักงานอัยการสูงสุด (พ.ศ.2551-2554) ซึ่งได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวกับภารกิจของ สคช. ไว้ในยุทธศาสตร์ที่ 3 ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน โดยมุ่งเน้นการสร้างพันธมิตร การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน การให้ความช่วยเหลือในการทำนิติกรรมและให้คำปรึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพการประนอมและระงับข้อพิพาททางแพ่ง การเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายและการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ชาวไทยที่อยู่ในต่างประเทศและ การใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ตราสัญลักษณ์

สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน มีชื่อย่อว่า สคช. ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๒๕ ในสังกัดสำนักงานอัยการสูงสุด ตามคำสั่งของกรมอัยการที่ ๑๗๔/๒๕๒๕ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๒๕

วัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ผลประโยชน์และให้ความช่วยเหลือประชาชน ทางด้านกฎหมาย ต่อมาเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๒๖ คณะรัฐมนตรีได้มีมติโอนโครงการให้ความช่วยเหลือทาง กฎหมายแก่ประชาชนในชนบทเขตยากจน ซึ่งขณะนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักนโยบายและแผน มหาดไทย มาให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับผิดชอบดำเนินงานสิบมา ในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๒๗ คณะรัฐมนตรีได้มีมติโอนงานช่วยเหลือทางกฎหมายแก่เกษตรกร และผู้ยากจน ซึ่งขณะนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมาให้ สคช. สำนัก งานอัยการสูงสุด รับผิดชอบดำเนินการิธีดำเนินการ ได้ดำเนินการตามแนวนโยบายที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การพิจารณาพื้นที่เป้าหมายดำเนินงาน โดยนำเอาปัญหาที่แท้จริงของคนในท้องถิ่นที่แตกต่างกันไปในแต่ ละภูมิภาคและแต่ละพื้นที่เป็นตัวกำหนดพื้นที่ปฏิบัติการ โดยสำนักงานอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งจัดตั้งสำนัก งานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนประจำจังหวัดขึ้นทุกจังหวัดทั่วประเทศ เป็นการ ให้บริการฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายยกเว้นค่าธรรมเนียมในชั้นศาลที่ต้องเสียตามกฎหมาย

บุคลากร

ข้าราชการอัยการ

นายศักดิ์สิทธิ์ สุทธศิริ
อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย
และการบังคับคดีจังหวัดเพชรบูรณ์

นายกิตติธัช  ตันติภาสวศิน
อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้กลั่นกรองงาน

นายธนัช เลิศภิญญาวัตร
รองอัยการจังหวัด

ข้าราชการธุรการ

นางสาวนสิทชญา  ถุงเงิน
นักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการ

นางสาวนิพัทธา ดีทรัพย์
นิติกรปฏิบัติการ

นายสุรสิทธิ์ รวมผล
นิติกรปฏิบัติการ

จ้างเหมาบริการ

นางสาวทิพย์วรรณ น้อยนันท์
นิติกร ปปส.

นางสาวจริยา ศิริพันธ์ุเลิศ
นักการภารโรง

นายสมควร คำสีดา
พนักงานขับรถยนต์

ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์

ความโปร่งใสในการให้บริการประชาชนและหน่วยงานของรัฐ

ศูนย์ร้องเรียน
ช่องทางติดต่อ
ติดต่อ

การจัดการมรดก

การจัดการมรดก สคชจ.เพชรบูรณ์(สาขาวิเชียรบุรี)


ติดต่อหน่วยงาน

สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี)
ตำบลสระประดู่ อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ 67130 เปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ – วันเสาร์ (เวลา 08.30 – 16.30 น.)
โทร. 056-029781 Fax.056-029782

E-mail – vichien-lawaid@ago.go.th

สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดเพชรบูรณ์ (สาขาวิเชียรบุรี) รับนโยบายการบริหารงานของอัยการสูงสุด “PUBLIC TRUST”