สำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี

อำนาจหน้าที่

๑. คดีอาญา

สำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบการดำเนินคดีอาญาทั้งปวงที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการ ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งหมายถึง

๑.๑ คดีอาญาที่กระทำความผิดโดยเด็ก (บุคคลอายุยังไม่เกินสิบห้าปีบริบูรณ์) หรือ เยาวชน (บุคคลอายุเกินสิบห้าปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์) ในท้องที่เขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ยกเว้น คดีที่เกิดในท้องที่สถานีตำรวจภูธรเกาะสมุย และสถานีตำรวจภูธรเกาะพะงัน อยู่ภายในอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการสำนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุย)
๑.๒ คดีอาญาที่ศาลซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดาได้โอนมาตามมาตรา ๙๗ วรรคหนึ่ง
๑.๓ คดีคุ้มครองสวัสดิภาพ หมายความว่า คดีที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กหรือบุคคลในครอบครัว ซึ่งจะต้องบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับการคุ้มครอง สวัสดิภาพเด็กหรือบุคคลในครอบครัว
๑.๔ คดีอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลเยาวชนและครอบครัว
คดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัว หมายถึงคดีอาญาทุกประเภทที่มีข้อหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทำผิด โดยไม่จำกัดฐานความผิด แม้จะเป็นความผิดเกี่ยวกับกฎหมายลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร หรือเครื่องหมายการค้า ซึ่งตามปกติถ้าเป็นคดีที่ผู้ใหญ่กระทำผิดจะต้องฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังไม่มีการจำกัดอัตราโทษแต่อย่างใด แม้จะเป็นคดีที่มีอัตราโทษมากน้อยเพียงใด หากเด็กหรือเยาวชนต้องหาว่ากระทำผิดก็อยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัวทั้งสิ้น

๒. คดีแพ่ง

สำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบการดำเนินคดีแพ่งที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการ ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตลอดถึงความรับผิดชอบงานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ของเด็กและเยาวชน ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้

๒.๑ การร้องขอให้ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถและเพิกถอนคำสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ (ป.พ.พ.ม.๒๘, ๓๑)
๒.๒ การร้องขอให้ศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและเพิกถอนคำสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ (ป.พ.พ.ม.๓๒, ๓๖)
๒.๓ ร้องขอให้ศาลตั้งผู้อื่นนอกจากสามีหรือภรรยา เป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ถ้ามีเหตุสำคัญ (ป.พ.พ.ม.๑๔๖๓)
๒.๔ ร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะ (ป.พ.พ.ม.๑๔๙๖)
๒.๕ ฟ้องคดีแทนเด็กปฏิเสธความเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของชาย (ป.พ.พ.ม.๑๕๔๕)
๒.๖ ร้องขอให้ศาลตั้งผู้แทนเฉพาะคดีเพื่อทำหน้าที่ฟ้องคดีแทนเด็กในคดีฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตร ในกรณีเด็กไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมหรือมีแต่ผู้แทนโดยชอบธรรมไม่สามารถทำหน้าที่ได้ (ป.พ.พ.ม.๑๕๕๖)
๒.๗ เป็นโจทก์ฟ้องคดีที่กฎหมายห้ามมิให้ราษฎรฟ้อง เช่น ฟ้องคดีผู้สืบสันดานในการฟ้องบุพการีทั้งคดีแพ่ง และคดีอาญา อันได้แก่ ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร (ป.พ.พ.ม.๑๕๖๒, ๑๕๖๕)
๒.๘ ร้องขอให้ศาลสั่งถอนอำนาจปกครอง (ป.พ.พ.ม.๑๕๘๒)
๒.๙ ร้องขอให้ศาลตั้งผู้ปกครอง (ป.พ.พ.ม.๑๕๘๖) และร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งตั้งผู้ปกครองและมีคำสั่งเกี่ยวกับผู้ปกครองต่อไปตามที่เห็นสมควร เนื่องจากเป็นผู้ต้องห้ามมิให้เป็นผู้ปกครองตามมาตรา ๑๕๘๗ (ป.พ.พ.ม.๑๕๘๘)
๒.๑๐ ร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ปกครองหาประกันอันสมควรในการจัดการทรัพย์สินหรือแถลงถึงความเป็นอยู่ของทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครอง (ป.พ.พ.ม.๑๕๙๗)
๒.๑๑ ร้องขอให้ศาลถอนผู้ปกครอง (ป.พ.พ.ม.๑๕๙๘/๙)
๒.๑๒ ร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตให้มีการรับบุตรบุญธรรม (ป.พ.พ.ม.๑๕๙๘/๒๑, ๑๕๙๘/๒๒, ๑๕๙๘/๒๓) การเลิกรับบุตรบุญธรรม (ป.พ.พ.ม.๑๕๙๘/๓๑)
๒.๑๓ ฟ้องคดีแทนบุตรบุญธรรมเกี่ยวกับการขอเลิกรับบุตรบุญธรรม (ป.พ.พ.ม.๑๕๙๘/๓๕)
ร้องขอให้ศาลตั้งผู้ปกครอง, ผู้อนุบาล, หรือผู้พิทักษ์ ในกรณีที่มรดกตกทอดแก่ผู้เยาว์ หรือบุคคลวิกลวิจริต หรือผู้ไม่สามารถจัดการงานตนเองได้ และบุคคลนั้นยังไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ (ป.พ.พ.ม.๑๖๑๐)

ข้อแตกต่างของการดำเนินคดีคุ้มครองสิทธิและการดำเนินคดีแพ่งทั่วไปของพนักงานอัยการ

• การดำเนินคดีครอบครัว (คุ้มครองสิทธิ) ดังกล่าว พนักงานอัยการไม่ต้องยื่นใบแต่งทนายความ เพราะพนักงานอัยการเป็นตัวความเสียเอง ไม่เหมือนการดำเนินคดีแพ่งทั่วไปของพนักงานอัยการที่ต้องยื่น ใบแต่งทนาย (ตามนัยคำพิพากษาฎีกา ๑๒๒/๒๕๑๒)
• เมื่อพนักงานอัยการเป็นตัวความเสียเองในการดำเนินคดีครอบครัว พนักงานอัยการจึงไม่มีสิทธิได้รับเงิน ค่าทนายความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจาณาความแพ่ง (ตามนัยคำพิพากษาฎีกา ๒๐๔๖/๒๕๒๖)
• การดำเนินคดีครอบครัว จะต้องมีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายอื่นระบุไว้ชัดแจ้งว่า เป็นอำนาจของพนักงานอัยการ พนักงานอัยการจึงจะมีอำนาจดำเนินคดีนั้นได้ ไม่เหมือนการดำเนินคดีแพ่งทั่วไป พนักงานอัยการมีอำนาจที่จะดำเนินคดีให้แก่ทุกกระทรวง ทบวง กรมได้ทุกประเภทไม่มีข้อจำกัด (ตามนัยคำพิพากษาฎีกา ๓๓๔๐/๒๕๒๕)
• การดำเนินคดีครอบครัวนั้น ส่วนใหญ่เป็นคดีไม่มีข้อพิพาท ยกเว้น การดำเนินคดีอุทลุม ตาม ป.พ.พ.๑๕๖๒ ซึ่งเป็นการดำเนินคดีมีข้อพิพาท ฉะนั้น การดำเนินคดีครอบครัว จึงเป็นการดำเนินคดี ตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๑๘๘ โดยให้เริ่มคดีโดยยื่นเป็นคำร้องขอต่อศาล หากมีผู้คัดค้านเข้ามาในคดี ศาลก็ดำเนินคดีตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยคดีอันมีข้อพิพาท ป.วิ.พ.มาตรา ๑๘๘ (๔) ต่อไป ไม่เหมือนดำเนินคดีแพ่งทั่วไปของพนักงานอัยการ ส่วนใหญ่เป็นการดำเนินคดีมีข้อพิพาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๕
• ในการดำเนินคดีครอบครัวพนักงานอัยการมีอำนาจที่จะออกหมายเรียกบุคคลใดๆ นอกจากพยานของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง เว้นแต่คู่ความอีกฝ่ายนั้นยินยอมมาให้การต่อพนักงานอัยการ โดยจะให้ลงนามหรือปฏิญาณตัวได้ตาม พ.ร.บ.พนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๔๙๘ มาตรา ๑๓, ๑๔ ไม่เหมือนคดีแพ่งทั่วไปที่พนักงานอัยการรับว่าต่างแก้ต่างให้กับกระทรวง ทบวง กรม พนักงานอัยการไม่มีอำนาจที่จะออกหมายเรียกพยานมาสอบปากคำได้