ภาพกิจกรรม
- ประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับคัดเลือกและสาระสำคัญของสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือ ประจำไตรมาสที่ ๑
- ประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับคัดเลือกและสาระสำคัญของสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือ ประจำไตรมาสที่ ๒
- ประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับคัดเลือกและสาระสำคัญของสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือ ประจำไตรมาสที่ ๓
- ประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับคัดเลือกและสาระสำคัญของสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือ ประจำไตรมาสที่ ๔
- ประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับคัดเลือกและสาระสำคัญของสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือ ประจำไตรมาสที่ ๑
- ประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับคัดเลือกและสาระสำคัญของสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือ ประจำไตรมาสที่ ๒
- ประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับคัดเลือกและสาระสำคัญของสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือ ประจำไตรมาสที่ ๓
- ประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับคัดเลือกและสาระสำคัญของสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือ ประจำไตรมาสที่ ๔
เกี่ยวกับสำนักงาน
ประวัติความเป็นมา
เนื่องจากสภาพปัญหามากมายหลายสาเหตุด้วยกัน ที่มีส่วนทำให้เกิดความเดือนร้อนแก่ประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่มีฐานะยากจน หรือที่อยู่ในชนบทห่างไกล อาทิเช่น การถูกเอารัดเอาเปรียบในด้านเศรษฐกิจ ปัญหาการแย่งที่ดินทำกิน การกระทบกระทั่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับราษฎรในการใช้อำนาจรัฐอันไม่เป็นธรรม ฯลฯ สาเหตุต่าง ๆเหล่านี้ เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้ประชาชนที่ถูกกระทำ ต้องสูญเสียสิทธิเสรีภาพและทรัพย์สินไป ซึ่งผลที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือการแก้แค้น ประทุษร้ายต่อร่างกาย และชีวิตซึ่งกันและกัน การก่ออาชญากรรม ที่ทำให้สังคมอยู่กันอย่างหวาดผวา ไม่มีความผาสุก และเมื่อเกิดขึ้นมาก ๆ ก็จะมีผลกระทบ ต่อความมั่นคงของประเทศได้ ซึ่งภาวการณ์ดังกล่าว จากการศึกษาวิจัยก็ได้พบว่า มูลเหตุสำคัญประการหนึ่งก็คือ ความไม่รู้กฎหมาย ที่ทำให้คนส่วนหนึ่งมีการกระทำที่ละเมิด ต่อกฎเกณฑ์ที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ในขณะที่คนอีกส่วนหนึ่งก็ไม่มีความรู้ ที่จะใช้กฎหมาย ในการปกป้องและพิทักษ์สิทธิหรือผลประโยชน์ของตน เมื่อเกิดกรณีพิพาทขึ้น ก็ทำให้รัฐต้องทุ่มเทงบประมาณจำนวนไม่น้อย ในแต่ละปีเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม การใช้มาตรการแก้ไขปัญหาสังคม โดยวิธีการปราบปรามแต่เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่วิถีทางที่ได้ผลอย่างแท้จริง วิธีการที่ดีที่ควรทำควบคู่กันไปก็คือ การส่งเสริมประชาชนให้มีความรู ้ ในสิทธิและหน้าที่ของตนตามกฎหมาย จะทำให้เกิดความสัมฤทธิ์ผล ในการลดปัญหาพิพาทขัดแย้งได้ในปริมาณที่มากกว่า ดังนั้น จากแนวความคิดดังกล่าว ได้นำมาสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง ในยุครัฐบาลของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งได้มีการจัดตั้งโครงการให้ความช่วยเหลือ ทางกฎหมายแก่ประชาชน ชนบทในเขตยากจนขึ้น อันเป็นโครงการหนึ่ง ในแผนงานบริการขั้นพื้นฐาน ของแผนพัฒนาชนบทยากจน แล้วบรรจุโครงการนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๒๕-๒๕๒๙) โดยในชั้นแรกได้มอบหมาย ให้สำนักนโยบายและแผนมหาดไทย กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ปฏิบัติ
สำนักนโยบายและแผนมหาดไทย ได้ดำเนินงานไปได้ระยะหนึ่ง ก็มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๒๖ เห็นชอบ ตามความเห็นของคณะกรรมการปฏิรูป ระบบราชการ และระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ให้โอนโครงการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ชนบทในเขตยากจน ให้สำนักงานอัยการสูงสุด (กรมอัยการในขณะนั้น) เป็นผู้ดำเนินการสืบต่อมา ก่อนหน้าที่จะได้รับโอนงานมานั้น กรมอัยการได้มีการดำเนินงานด้านการคุ้มครอง สิทธิเสรีภาพ และ ผลประโยชน์ของประชาชนตามที่กฎหมาย กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ ของพนักงานอัยการอยู่แล้วโดย กรมอัยการได้มีคำสั่งที่ ๑๗๔/๒๕๒๕ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๒๕ จัดตั้งสำนักงานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ของประชาชน (สคช.) ขึ้น โดยจัดตั้งเป็นหน่วยงานภายใน ซึ่งเมื่อสำนักนโยบายและแผนมหาดไทย ได้ส่งมอบงานตามโครงการให้ความช่วยเหลือ ทางกฎหมายแก่ ประชาชนให้กรมอัยการทั้งหมด ในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๒๗ กรมอัยการก็ได้มอบหมายงานตามโครงการฯ ให้สำนักงานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ของประชาชนดำเนินงานมาตั้งแต่บัดนั้น เป็นต้นมา
สำนักงานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และผลประโยชน์ของประชาชน ดำเนินงานให้ความช่วยเหลือ ทางกฎหมายแก่ประชาชนชนบทในเขตยากจน ปรากฏว่าเกิดผลดีมาเป็นลำดับ ดังนั้นเมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๒๗ คณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้โอนงานช่วยเหลือทางกฎหมายแก่เกษตรกรและ ผู้ยากจน ที่สำนักงานปลัดสำนัก นายกรัฐมนตรีดำเนินการอยู่ มาให้สำนักงานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ของประชาชนดำเนินงาน ต่อไปด้วย ดังนั้น ตั้งแต่ปี พ.ศ . ๒๕๒๗ เป็นต้นมา สำนักงานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และผลประโยชน์ของประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุด (กรมอัยการในขณะนั้น) จึงเป็นหน่วยงานเดียวของรัฐ ที่ปฏิบัติงานทางด้านคุ้มครองสิทธิ และ ช่วยเหลือทางกฎหมาย แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องมาตราบจนปัจจุบัน ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ ได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมอัยการ กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๓๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๕ ตอนที่ ๑๒๒ ลงวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๓๑ แบ่งส่วนราชการในกรมอัยการเพิ่มขึ้น คือ กองคดีเด็กและเยาวชน กองคดีภาษีอากร กองคดีศาลแขวง กองคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร และ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ซึ่งตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ได้กำหนดให้สำนักงานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นส่วนราชการระดับกอง ตามกฎหมายของกรมอัยการ และเปลี่ยนชื่อเป็น “สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน” ตามคำสั่งกรมอัยการที่ ๑๙๙/๒๕๓๑ ลงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๓๑
สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และผลประโยชน์ของประชาชน ตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการ หรือเมื่อมีกรณีอันสมควร เข้าคุ้มครองป้องกันสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ ของประชาชนในประการอื่น ที่กฎหมายให้มีอำนาจดำเนินการได้ ตลอดจนดำเนินงาน ให้บริการช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย แก่ประชาชนผู้ยากไร้ และประชาชนในชนบท รวมทั้งดำเนินการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย ให้แก่ประชาชนทั่วไป ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค แบ่งออกเป็น ๓ กอง คือ”
๑. กองคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน
๒. กองช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน
๓. กองแผนและติดตามประเมินผล
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๑ เป็นต้นไป
ปัจจุบันนี้ ตามกฎกระทรวง แบ่งส่วนราชการสำนักงานอัยการสูงสุด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ ลงวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๔๙
ข้อ ๑๕ (๒๔) กำหนดให้สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือ ทางกฎหมายแก่ประชาชน มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และผลประโยชน์ของประชาชน การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย การเผยแพร่ความรู้ทางด้านสิทธิมนุษยชน และความรู้ทางกฎหมาย แก่ประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ การดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคด้านอรรถคดี การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย และการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคแก่ประชาชน ศึกษาวิจัย และพัฒนาระบบ รูปแบบ วิธีการ และแนวทางปฏิบัติในการดำเนินการดังกล่าว
ผลการปฏิบัติงาน
สคช. ได้รับการคัดเลือกและยกย่องให้เป็นหน่วยงานดีเด่นระดับชาติ สาขาพัฒนาสังคม พ.ศ. ๒๕๒๙ จากคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ในส่วนที่เกี่ยวกับประชาชนทั้งในกรุงเทพฯและในต่างจังหวัด ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๓๕ อนุมัติให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีกติกา ระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (พ.ศ. ๒๕๐๙) และจากเหตุผลดังกล่าวได้มี การจัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนระดับชาติขึ้น โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้กำหนดให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นแกน กลางในการจัดตั้งองค์กรทางด้านสิทธิมนุษยชน
โครงสร้างของ สคช.
สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิและให้ความช่วยเหลือ ทางกฎหมายแก่ประชาชนสังกัดอยู่ ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ดังนี้
ส่วนกลาง ประกอบด้วย
๑. สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (ส่วนกลาง)
๒. สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย
๓. สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิ
๔. สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ
๕. สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภค
๖. สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย ๑ (รัชดาภิเษก)
๗. สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย ๒ (หลักเมือง)
๘. สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย ๓ (ธนบุรี)
๙. สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย 4 (มีนบุรี)
ส่วนภูมิภาค
เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ได้รับการบริการทางกฎหมาย จากพนักงานอัยการโดยเสมอภาค และทั่วถึงกัน สำนักงานอัยการสูงสุดจึงมีคำสั่ง ให้จัดตั้งสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคดี จังหวัด (สคชจ.) ขึ้น โดยมีหน้าที่สำคัญคือ เผยแพร่และฝึกอบรมความรู้ทางกฎหมาย และให้คำปรึกษาปัญหากฎหมายแก่ประชาชน จัดหาทนายความช่วยเหลือในทางอรรถคดี แก่ประชาชนผู้ยากจนและไม่ได้รับความเป็นธรรม ตลอดจนงานการประนอมข้อพิพาท งานคุ้มครองสิทธิทางศาลตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการ เช่น การร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก ฯลฯ
สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ในส่วนภูมิภาคประกอบด้วย
๑. สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย ภาค ๑ – ๙ จำนวน ๙ แห่ง
๒. สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัด (สคชจ.) ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานอัยการจังหวัด จำนวน ๗๖ แห่ง
๓. สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัด ประจำจังหวัดสาขา (สคชจ. สาขา) ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานอัยการจังหวัดประจำอำเภอ จำนวน ๓๔ แห่ง
อำนาจหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุด
วิสัยทัศน์ (Vision)
“เป็นองค์กรแห่งความยุติธรรมของสังคมเพื่อความมั่นคงของชาติและความผาสุกของประชาชน”
พันธกิจ (Missions)
- อำนวยความยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส พึ่งพิงได้บนพื้นฐานของความเสมอภาค
- รักษาผลประโยชน์ของรัฐ เพื่อประโยชน์สาธารณะและการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
- รับรู้ ดูแล แก้ปัญหาในการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ และเป็นที่พึ่งของประชาชนในด้านกฎหมาย
- พัฒนาศักยภาพองค์กรให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกบนฐานความเชี่ยวชาญ
ค่านิยม “PUBLIC”
- P : People First ประชาชนมาที่หนึ่ง
- U : Uprightness เป็นที่พึ่งความยุติธรรม
- B : Betterment คิดและทำเพื่อพัฒนา
- L : Lawfulness รักษากฎหมายด้วยเหตุผล
- I : Integrity ประพฤติตนซื่อสัตย์และโปร่งใส
- C : Collaboration ร่วมมือร่วมใจสู่เป้าหมาย
โครงสร้าง (Structure)
บุคลากร
สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดลำปาง
บุคลากร
อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิฯ ลำปาง
อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด
ผู้กลั่นกรองงาน
รองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิฯ ลำปาง
นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ
รักษาการในตำแหน่ง
ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ
เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน
นักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการ
นักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการ
นิติกรปฏิบัติการ
นิติกรปฏิบัติการ
นิติกร
พนักงานขับรถยนต์
ทนายอาสา
ทนายอาสา
ทนายอาสา
สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย
และการบังคับคดีจังหวัดลำปาง
๑. นายเสรี เนียมนพเนตร | พ.ศ.๒๕๓๗ – ๒๕๓๘ |
๒. นายวัชระ ถิรภัทรพันธ์ | พ.ศ.๒๕๓๘ – ๒๕๓๙ |
๓. นายสำรวย วราวรรณ | พ.ศ.๒๕๓๙ – ๒๕๔๐ |
๔. นายประสพโชค วสิกชาติ | พ.ศ.๒๕๔๐ – ๒๕๔๑ |
๕. นายไพศาล วรดิษฐ์ | ๒๐ ม.ค.๔๑ – มี.ค.๔๑ |
๖. นายสมภพ รัตนกุล | ๓ มี.ค.๔๑ – เม.ย.๔๒ |
๗. นายพิชญ์พันธ์ เศรษฐบุตร | พ.ค.๔๒ – ๓๐ เม.ย.๔๓ |
๘. นางพัชรี เชื้อชอบธรรม | ๑ พ.ค.๔๓ – ๓๐ เม.ย.๔๔ |
๙. นายอภิชาติ พลอยแก้ว | ๑ พ.ค.๔๔ – ๓๐ เม.ย.๔๕ |
๑๐. นายสาโรช นักเบศร์ | ๑ พ.ค.๔๕ – ๓๐ เม.ย.๔๗ |
๑๑. นางจิตลดา นุชชม | ๑ พ.ค.๔๗ – ๓ เม.ย.๔๘ |
๑๒. นายสมมาตร โตโพธิ์ไทย | ๔ เม.ย.๔๘ – ๓๐ เม.ย.๔๙ |
๑๓. นายอัศวิน นิลทอง | ๑ พ.ค.๔๙ – ๓๑ มี.ค.๕๐ |
๑๔. นายศราวุธ นากะพันธ์ | ๑ เม.ย.๕๐ – ๓๑ มี.ค.๕๑ |
๑๕. นายสุรเชษฐ์ งามวงศ์ | ๑ เม.ย.๕๑ – ๓๑ มี.ค.๕๒ |
๑๖. นายอุกฤษ จันทรวิสุทธิ์ | ๑ เม.ย.๕๒ – ๓๑ มี.ค.๕๓ |
๑๗. นายเนธิภัททิก์ เสฎฐิตานันท์ | ๑ เม.ย.๕๓ – ๓๑ มี.ค.๕๔ |
๑๘. นายสัญชัย กรุงกาญจนา | ๑ เม.ย.๕๔ – ๓๑ มี.ค.๕๕ |
๑๙. นายนพดล เพียรพิทักษ์ | ๑ เม.ย.๕๕ – ๓๐ พ.ค.๕๖ |
๒๐. นายเกียรติ มุลาลินน์ | ๑ เม.ย.๕๖ – ๓๑ มี.ค.๕๗ |
๒๑. นายดุสิต กฤษณังกูร | ๑ เม.ย.๕๗ – ๓๑ มี.ค.๕๘ |
๒๒. นายนราธิป ธารากรสันติ | ๑ เม.ย.๕๘ – ๓๑ มี.ค.๕๙ |
๒๓. นายกฤติ พฤกษ์อัครกูล | ๑ เม.ย.๕๙ – ๒ เม.ย.๖๐ |
๒๔. นางผุสดี สุวรรณมงคล | ๓ เม.ย.๖๐ – ๑ เม.ย.๖๑ |
๒๕. นางสาวเบญจพัฒน์ เตชวีรพงศ์ | ๒ เม.ย.๖๑ – ๓๑ มี.ค.๖๒ |
๒๖. นายณุวัฒน์ หรรษคุณาฒัย | ๑ เม.ย.๖๒ – ๓๑ มี.ค.๖๓ |
๒๗. นางสาวอรัญญา เตไชยกูล | ๑ เม.ย.๖๓ – ๓๑ มี.ค.๖๔ |
๒๘. นางสาวจินดา สุระชาติ | ๑ เม.ย.๖๔ – ๓๑ มี.ค.๖๕ |
๒๙. นายวรพจน์ เฉียงตะวัน | ๑ เม.ย.๖๕ – ๓๑ มี.ค.๖๖ |
๓๐. นางภาณุมาศ สุวรรณสุจริต | ๑ เม.ย.๖๖ – ๓๑ มี.ค.๖๗ |
๓๑. นายธรรมเรศวร์ ลิ่มกุลพงษ์ | ๑ เม.ย.๖๗ – ปัจจุบัน |
สถิติคดี
สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดลำปาง
ลำดับที่ | กิจกรรม | 2563 | 2564 | 2565 | 2566 ณ วันที่ 30 พ.ย. | |
1 | งานคุ้มครองสิทธิทางศาล | |||||
– ขอตั้งผู้จัดการมรดก | 161 | 174 | 205 | 92 | ||
– ขอตั้งผู้ปกครอง | 3 | |||||
– ขอถอนผู้ปกครอง | 1 | |||||
– ขอศาลสั่งเป็นคนไร้ความสามารถและตั้งผู้อนุบาล | 12 | 10 | 1 | 12 | ||
– ขอศาลสั่งเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและตั้งผู้พิทักษ์ | 1 | 1 | ||||
– ขอศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ | 2 | 0 | 2 | 1 | ||
– คุ้มครองผู้บริโภค | 2 | 2 | ||||
– ฟ้องคดีแทนเด็กปฏิเสธความเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของชาย | 1 | |||||
2 | การช่วยเหลือประนอมข้อพิพาท | 122 | 270 | 125 | 97 | |
3 | ประนอมข้อพิพาทหนี้นอกระบบ | |||||
4 | ให้คำปรึกษาปัญหากฎหมาย | 1390 | 978 | 795 | 683 | |
5 | ช่วยเหลืออรรถคดี จัดทนายอาสา ว่าต่าง/แก้ต่าง แก่ประชาชน | 2 | 7 | 15 | 5 | |
6 | ส่งเสริมและสนับสนุน การประนอมและระงับข้อพิพาท ในระดับท้องถิ่น | คน หมู่บ้าน | 335 74 | 200 55 | 230 73 | 476 106 |
7 | เผยแพร่ให้ความรู้ทางกฎหมายต่างๆ แก่ประชาชน | คน หมู่บ้าน | 1236 286 | 1050 276 | 1735 310 | 1302 708 |
8 | ฝึกอบรมความรู้ทางกฎหมาย แก่บุคคลกลุ่มต่างๆ | คน หมู่บ้าน | 1250 452 | 410 163 | 408 42 | |
9 | จัดทำคำร้องตาม ปวิอ. มาตรา 44/1 | 25 | 41 | 85 | 59 | |
10 | สำนวนบังคับคดีแพ่ง | 61 | 23 | 52 | 37 | |
11 | สำนวนบังคับคดีอาญา | 14 | 12 | 43 | 106 | |
12 | สำนวนบังคับโทษปรับยาเสพติด | 83 | 46 | |||
13 | สำนวนบังคับคดีปกครอง | 3 | 1 | 1 | ||
14 | สำนวนพระราชทานความช่วยเหลือ | 1 | 2 | 3 |
เอกสารดาวน์โหลด
ติดต่อหน่วยงาน
สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดลำปาง
ตั้งอยู่ในอาคารสำนักงานอัยการลำปาง ชั้น ๑ ภายในบริเวณศาลากลางหลังเก่า
เลขที่ ๒/๑ ถนนบุญวาทย์ ตำบลหัวเวียง
อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง รหัสไปรษณีย์ ๕๒๐๐๐
หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๕๔๒๑ ๗๗๐๐
หมายเลขโทรสาร ๐ ๕๔๒๒ ๒๕๓๕
e-mail : lampang-lawaid@ago.go.th